top of page

SRILANKA WELIGAMA

หลังที่ผมและติ๋วตัดสินใจพักที่ Colombo เพื่อปรับตัวและอยู่พอที่จะเรียนรู้การเที่ยวและใช้ชีวิตเบื้องต้นในศรีลังกาในเมืองหลวง 2 คืน ก็ถึงเวลาในสิ่งที่เรารอคอยมากที่สุด คือการเดินทางไปเที่ยวทะเลของศรีลังกา #ไปศรีลังกาไปกับแอร์เอเชีย #ศรีลังกา



จุดหมายของผมในวันนี้คือเมืองชื่อว่า Weligama ( เว-ลิ-กา-ม่า ) ซึ่งมีความหมายว่า หมู่บ้านแห่งทรายทะเล อยู่ห่างจากโคลัมโบ 144 กิโลเมตร นอกจากจะเป็นหาดที่มีโรงแรมบูทิคเกิดขึ้นเพียบแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งประมง ที่ชาวบ้านจะนำมาสดใหม่มาขายข้างถนนทุกวันและที่ยังเป็นเป็นสถานที่ ที่เพื่อนๆเห็นในภาพที่ใช้โปรโมตอย่างภาพคนตกปลาในโฆษณาต่างๆอีกด้วย แค่นี้ก็ชิคแล้ว



สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เที่ยวเมืองหลวงของศรีลังกา โคลัมโบ

ซึ่งเป็นเรื่องราวของเรื่องพื้นฐานต่างๆที่ควรรู้ สามารถอ่านได้ที่ www.surferholiday.com/review/airasia-srilanka-colombo



และทริป The South Coast of Srilanka ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการสักที เราตื่นเช้าเพื่อที่รีบเดินทางไปที่สถานีรถไฟหลักของเมืองโคลัมโบ เรียกว่า Colombo Fort Railway Station ( สามารถดูตารางการเดินทางได้ที่ ( http://colombofort.com/ ) รถไฟของศรีลังกาถือว่าเป็นเสน่ห์การท่องเที่ยวอย่างหนึ่งครับ เพราะเป็น Influencer ทั้งหลายถ่ายรูปตอนนั่งรถไฟกันเพียบ






รถไฟ เสน่ห์ที่ต้องลอง

จริงๆแล้วศรีลังกามีเส้นทางรถไฟที่ดังมากๆ คือเส้น Kandy - Ella เค้าว่ากันว่าเป็น The world’s most beautiful train trip กระนั้นเลย เพราะสองข้างทางสวย วิวดี อากาศดี อยากให้เพื่อนๆไปลอง Search ดู เส้นทางนี้จะอากาศสบายๆหลายคนนิยมนั่งเพื่อไปเที่ยวชมวิวข้างทาง ทำให้เส้นนี้มีที่นั่งให้เลือกหลายรูปแบบทั้ง 1st Class Observation car , 1st Class air-con seats, 2nd Class และ 3rd Class

แต่สำหรับเส้นทางการลงไปทางใต้นั้น จริงๆแล้วมี 1st Class Observation car หากเราต้องการเดินทางไปตอนใต้สุด จะเป็นเส้น Colombo Fort - Matara นั่งสบายรถไฟออก 06.55 สามารถสำรองตั๋วได้ล่วงหน้าที่ www.visitsrilankatours.co.uk/train-tickets-1.html จองยากวุ่นวายเหมือนกัน




แต่สำหรับผมแล้วเราตั้งใจไปเริ่มต้นการเที่ยวที่ Weligama ซึ่งมีรถไฟแค่แบบ 2nd Class และ 3rd Class เท่านั้น ซึ่งเราสามารถไปซื้อล่วงหน้าได้ หรือจะไปก่อนเวลารถไฟก็ได้แต่บางครั้งอาจเต็ม เราตัดสินไปรอบ 10.30 และกำหนดถึง Weligama ในเวลา 13.30 ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง แต่อุปสรรคที่ทำให้การเดินทางของพวกเรายากลำบากเป็น 2 เท่าคือ การที่เราเอากระดานโต้คลื่นมาจากไทยถึง 4 กระดานโต้คลื่น แพคใน 3 กระเป๋าขนาดยาว 9 ฟุตหรือประมาณ 2 เมตร


นั่นทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้นไปอีก 5 เท่า


ด้วยความเฉลี่ยวใจ ผมเลยตื่นเพื่อรีบไปซื้อตั๋ว ตั๋วราคาถูกมากแค่ 220 RP ( 40 บาท ) ถูกจนแอบตื่นเต้นในความถูกว่าจะต้องเจออะไร ตอนแรกกะวางกระเป๋า วางกระดานโต้คลื่นบนพื้นแบบชิลๆ นั่งชมวิวข้างทาง แต่ก็แอบคิดว่ากระเป๋าเราใหญ่มากจะขึ้นได้เหรอ เลยวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่และโชวกระเป๋า คราวนี้หล่ะ เรื่องใหญ่ มีเจ้าหน้าที่เดินมาหาเต็มไปหมดและพาผมกับติ๋วเดินกันไปที่อาคารเหมือนโกดังอะไรสักอย่าง ข้างในเต็มไปด้วยคนงาน เค้าพูดกันสักพักแล้วไปตามหัวหน้า ตอนนั้นเหมือน Scene โดนลูกน้องตัวร้ายในหนังมาเฟีย Netflix จะพาคนมาฆ่าเอากระสอบทรายคลุมหัวแล้วยิงแน่ๆ แต่เปล่าเลย เค้าไปตามหัวหน้ามาคุยและอธิบายเราพร้อมหาทางช่วย สุดท้ายเราต้องจ่ายค่ากระดานโต้คลื่นอีกไม่กี่สิบบาท เพื่อนำไปใส่ในโบกี้ขนส่งสินค้าเพื่อความปลอดภัยและความสะดวก


เออดี คนศรีลังกาหน้าตาดุดันแต่เอาจริงๆใจดีมากๆนะ







และเราก็มานั่งรอรถไฟอยู่สักพัก ไม่นานรถไฟมา นี่คือช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดของวันคือ ทุกคนกรูขึ้นรถไฟจา ผมกับติ๋วหันหน้ามองกันและได้แต่ช๊อค แล้วเราต้องทำไงว่ะ เอ๋อนานไปนิด ลังเลว่าใช่ไม่ใช่ ใช่ไม่ใช่ จนสุดท้าย ทุกตู้เต็ม ชิบหายแล้ว คือถ้าเราตกรถไฟรอบนี้แผนทุกอย่างที่วางไว้ โรงแรมวันนี้ที่จองโคตรยาก กระดานโต้คลื่นที่ขนไปกับรถไฟหล่ะจะทำยังไง


ผมเลยใช้วิชาที่ผมแม่และครูบาอบรมตลอดมา ผมลากติ๋วไปยังโบกี้นึงที่มีวัยรุ่นยืนอยู่เต็มประตูจนดูแล้วไม่น่าจะเดินเข้าไปได้ ผมรวบรวมกำลังบังคับแขนขวาขึ้นมา ประกอบกับแขนซ้าย ประนมมือและมองตาเด็กวัยรุ่นเหล่านั้น Please Let Me Get in. We have to go there today Please และปาฏิหารย์ก็เกิด


เด็กทุกคนลงจากรถไฟโดยมิได้นัดหมายและพอจะมีที่ให้เราสอดใส่ตัวเล็กๆเข้าไปทั้งสองคน นับเป็นบุญญาที่สะสมมาจริงๆ ไม่นานรถไฟก็ออกครับ ดูเหมือนการเดินทางทริปนี้จะต้องมีแต่เรื่องตื่นเต้นแน่ๆ




เราใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงกว่าๆครับ แรกๆก็ยืน ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มได้นั่งครับ ตลอดทางรถไฟจะวิ่งเลียบหมู่บ้านเล็กและเลียบหาดเป็นบางครั้งทำให้เย็นสบายๆ จริงแล้วหลายคนคิดว่ากลิ่นบนรถไฟต้องแรงมากๆแน่ๆ แต่ผมแทบไม่รู้สึกเลยนะ คนศรีลังกาไม่ได้มีกลิ่นตัวแรงนะครับและเค้าก็ดูจะเอ็นดูนักท่องเที่ยวมากๆ เค้าเห็นผมพยายามชะเง้อตัวไปดูทะเลบ่อยๆ สุดท้ายเค้าบอกว่าแลกทีกันสิจะได้เห็นทะเลชัดๆ น่ารักไปอีก




สำหรับการนั่งและยืนรถไฟครั้งนี้ ก็ขอยอมรับว่าเป็นเพราะความไม่รู้ แต่มันคือเสน่ห์ของการเดินทางจริงมั้ย ผลัดกันยืน ผลัดกันนั่งกันไปครับ ชิลๆ แม้เวลาจะยาวนาน แต่สองข้างทางก็สวยเพลิดเพลิน พอมีเวลาให้ผมได้เปิดฟังเพลงใน Playlist และบางครั้งก็หลุดร้องคลอจนคนรอบๆหันมามองเลยทีเดียว : )






และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟ Weligama จนได้ ต่อรถตุ๊กมาต่อกันที่โรงแรมที่เราจองไว้

สำหรับผมเหตุผลอีกอย่างที่จูงใจให้มา Weligama คือโรงแรมนี้ครับ Ceylon Sliders เป็นโรงแรมเล็กๆ 5 ห้องที่ออกแบบมาสวยน่ารัก ด้านหน้าเป็น Surf Shop และด้านหลังยังเป็นคาเฟ่ ที่นี่เป็นเหมือน Surfer Community และยังเป็นศุนย์รวมของคนคูลๆจากทั่วโลก สำหรับห้องแอบจองยากเหมือนกันนะครับ เต็มตลอด



Ceylon Sliders ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของการโต้คลื่น โดย Petter & Liin ผู้ก่อตั้งตัดสินใจมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่หลังจากจบสงครามความขัดแย้งในศรีลังกา ประมาณปี 2009 โดยทั้งสองคนได้เริ่มจากการเปิดธุรกิจกิจชื่อ Sunshinestories Regreat เป็นที่พักที่เป็น community มีทั้ง Yoga และ Surf และต่อยอดมายัง Ceylon Sliders ที่พักขนาด 4 ห้องที่ตั้งอยู่หน้าหาด Weligama




Welcome Drinks

ซึ่งแต่ละห้อง มาจากสถานที่ที่ Petter & Liin เคยไปเที่ยวแล้วประทับใจนั่นเอง

Island Suite ,The Louisiana courtyard , The Stockholm Standard , The Galle Room


Island Suite

The Louisiana courtyard

The Stockholm Standard

The Galle Room

ผมและติ๋วเลือกพักห้อง The Louisiana courtyard เพราะราคาพอรับได้และว่างพอดี ห้องจะมีการตกแต่งสไตล์โคโรเนียลด้วยเฟอร์นิเจอร์ โทนสีของห้องไปทางเขียวมินต์ กับภาพ Louisiana ที่ว่างเด่นอยู่บนตู้ ภายในห้องน้ำยังเลือกใช้สบู่และยาสระผมของ Spa Ceylon ด้วยกลิ่นหอมมาก


เรามีเทคนิคในการจองเล็กน้อยคือจองผ่าน Airbnb ซึ่งหากเป็นการจองครั้งแรกจะได้รับส่วนลดเพิ่มถึง 1200 บาท ประหยัดไปได้เยอะเลย ( กดรับส่วนลดโดยการสมัครที่ http://bit.ly/2TIh4e4 )



หลายคนอาจจะสังเกตุว่าตลอดที่อยู่ในศรีลังกาจะเห็นคำว่า Ceylon ( ซีลอน) เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Bank of Ceylon , Ceylon Tea หรืออะไรก็แล้วแต่ใช้คำว่า Ceylon นั่นมาจากก่อนที่จะกลายเป็นประเทศศรีลังกาที่นี่เคยโดนปกครองโดยประเทศอังกฤษและเรียกว่าประเทศซีลอนนั่นเองครับ




Weligama จะมี Landmark สำคัญอย่างนึงที่ใครมาก็เห็นคือเกาะขนาดเล็กหน้าหาดที่ใกล้จนสามารถเดินไปได้ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นวัดเหมือนเกาะลอยอะไรทำนองนั้น แต่จริงๆแล้วคือโรงแรม เกาะมีชื่อว่า Taprobane Island เมื่อก่อนเรียกว่า Galduwa หรือเกาะหินในภาษาชาวบ้าน ครอบครองมาเรื่อยๆโดย Maurice Talvande และ Geoffrey Dobbs. ชาวออสเตรเลียก็ได้เป็นเจ้าของคนล่าสุด ใครสนใจสามารถจองห้องพักและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.taprobaneisland.com



ก่อนที่จะพาไปดูว่า Weligama มีอะไรบ้าง ผมขอแอบพาชมโรงแรมกันอีกนิดครับ



ที่โรงแรมจะแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ด้านหน้าโรงแรมเป็นที่เช่ากระดานโต้คลื่น ถัดมาจะเป็น Shop ที่เจ้าของสรรหาของน่ารักมาจากทั่วโลก มีแบรนด์ Ceylon Sliders ด้วยนะ รวมถึงของท้องถิ่นเกร๋ๆ ที่เค้าคัดเลือกมาขาย




ส่วนด้านหลังจะเป็นคาเฟ่ อาหารเช้า กลางวัน เย็น ซึ่งถือว่า Ceylon Sliders เป็นร้านอาหารที่คะแนน Top10 ของเมืองนี้เลย อยู่นี่นอนสบาย ห้องสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อยทุกอย่างครบหมดเลย






Weligama มีอะไรน่าสนใจบ้าง



Beach

หลักๆคือชายหาดของ Weligama มียาวหลายกิโล ซึ่งข้อดีของที่นี่คือ ไม่มีสิ่งก่อสร้างติดหาดครับ เป็นถนนเลียบหาด ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ตลอดทุกที่ และด้วยเมืองที่เล็กมากๆ การมาหาดเลยเป็นเรื่องง่าย เดินมาได้สบายๆ



Hostel & Hotel

เมือง Weligama กำลังเป็นที่นิยมทำให้มีโฮสเทลและโรงแรมใหม่ๆเปิดค่อนข้างหลากหลาย แต่ยังอยู่ในปริมาณที่กำลังพอดี มีตั้งแต่คืนละ 150 - คืนละ 10,000 ก็มี หากใครสาย Hostel ผมแนะนำ The Spindrift ( รออ่านรีวิวได้ถัดไป ) และหากใครชอบโรงแรมเชน ที่นี้มี Mariott Weligama ครับเป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองแล้วมั้ง




Surf

จะบอกว่าหาด Weligama กำลังฮิตให้หมู่คนโต้คลื่นมากๆ เพราะหน้าหาดสามารถโต้คลื่นได้ยาว คลื่นไม่อันตรายเลย มีโรงเรียนสอนโต้คลื่นเต็มไปหมด รวมทั้ง Surf Camp ที่รวมค่ากินนอน อยู่เป็นสัปดาห์ด้วย และหากใครพอโต้คลื่นได้แล้วยังมีจัดโต้คลื่นที่ยากขึ้นสนุกขึ้นอีกมากมาย เช่น Fisherman Village ที่ผมกำลังเดินทางไปโต้คลื่นกัน


โรงแรมสอนโต้คลื่นที่ดังที่สุด ( หน้าหาด ) www.facebook.com/luckysweligama

ค่าเรียนโต้คลื่นพื้นฐาน 1 ชั่วโมงครึ่งราคาประมาณ 2500 LKR หรือ 450 บาทไทย โคตรถูก

ถ้ามีโอกาสขอให้ได้เรียนกับคนนี้ชื่อ lakshitha กำลังเป็นนักโต้คลื่นดาวรุ่งที่กำลังดังครับ





Cafe

คาเฟ่ที่นี่ชิคมาก สวยไม่ต่างจากที่บาหลี สามารถนั่งเอนตัวอ่านหนังสือจิบกาแฟไหลๆไปได้ทั้งวัน เดี๋ยวผมจะลิสต์ร้านเด็ดๆให้นะครับ





Food

นี่ก็เป็นทีเด็ดของ Weligama เลยอย่างที่เคยเกริ่นไปว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมง ทุกคนจะออกไปหาปลา พอตกเย็นก็เอาปลาไปประมูลจะมีร้านค้ารุมกันมาแย่งซื้อปลา ชาวประมงบางคนก็เอามานั่งขายเองริมถนน ทำให้ราคาอาหารซีฟู๊ดที่นี่ราคาถูกมากๆ




Market

ที่ Weliagama มีตลาดสามารถเดินเล่น ฆ่าเวลา เดินชอปเดินชิลได้เพลินๆ ผลไม้ที่นี่ราคาไม่แพงทุกร้านจะเอามาวางเรียงกันอย่างสวยงาม และเดินไปอีกนิดก็เป็นทางรถไฟ ถ่ายรูปสวย ( อย่าลืมระวังคอยดูด้วยนะครับ )




“ และอีกอย่าง Weligama เป็นเหมือนจุดกึ่งกลางของการไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ทำให้เราเลือกพักอยู่ที่นี่เป็นหลัก ประหยัด ไม่ต้องย้ายที่พักบ่อยๆ และสามารถเช่ามอเตอร์ไซต์ เช่าตุ๊กๆไปไหนต่อไหนได้ง่าย “


ขอลิสต์สถานที่ที่น่าสนใจและน่าไปดังนี้ครับ


Galle > Dalawella Beach > Ahangama > Midigama > Weligama > Mirissa > Madiha Beach > Hiriketiya Beach


จริงๆแล้วหากเดินทางไล่ไปแบบนี้น่าจะดีที่สุดครับ แต่ทริปของผมส่วนใหญ่วางแผนไว้โต้คลื่นเลยขี้เกียจย้ายบ่อย เราเลยอยู่ตรงกลางและเช่ารถขับไปเที่ยวทั้งฝั่งขวาและฝั่งซ้าย


- - - - -


ข้อมูลทั้งหมดด้านบนน่าจะทำให้เพื่อนๆได้เห็นภาพของเมือง Weligama พอสมควร ผมเลยขอพาเพื่อนๆไปดูกันว่าในหนึ่งวันผมทำอะไรกันบ้าง



เนื่องด้วยผมกับติ๋วเราชอบโต้คลื่นกันมากๆ ทุกเช้าเราก็เลยวางแผนจะออกไปโต้คลื่นตามสถานที่ต่างๆ








ก่อนอื่นเพื่อเป็นการรีเฟรชก็ออกมาโยคะยืดเส้นยืดสายกันหน่อย จิบกาแฟดีๆสักแก้ว





อยู่ที่นี่หลักๆช่วงแรกๆผมยังไม่ได้เช่ารถตุ๊กๆกันครับ แต่ใช้บริการรถตุ๊กๆไปส่งตามที่ต่างๆแทน ซึ่งไม่แพงมาก เท่าๆกับตุ๊กๆบ้านเรา 2 กิโลอยู่ที่ 300 LKR 50 บาท / 6 กิโลอยู่ที่ 400 - 500 LKR 60 - 70 บาท สามารถต่อรองได้ครับ แนะนำให้ทำการบ้านโดยการถามที่พักต่างๆว่าไปโน่นนี่ราคาเท่าไหร่ เพื่อใช้เป็นราคามาตรฐานได้ รถตุ๊กทุกคันจะมีสายรัดกระดานโต้คลื่นครับ สามารถวางด้านบนตุ๊กๆได้เลย


ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ อยู่ที่ 200 - 250 บาท ( 1200 - 2500 LKR )

ค่าเช่ารถตุ๊กๆอยู่ที่ 3200 ถูก หรือราคากลางอยู่ที่ ( 3500 - 4200 LKR )





“ เสน่ห์ของ Weligama คือการได้อยู่กับทะเลจริงๆ ผมพยายามหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆคิดว่ามีคนไทยเคยมาน้อยมากๆ ตลอดทริปที่อยู่ทางทะเล ไม่เจอคนไทยสักคนเลย และการที่เป็นคนไทยมาเที่ยวโซนนี้ทำให้คนที่นั่นสนใจและเทคแคร์เราดีมากๆ “



หลังโต้คลื่นเสร็จก็จะกลับไปที่โรงแรมไปอาบน้ำ และออกมาทานอาหารเที่ยงครับ ซึ่งอาหารมีให้เลือกมากมายหลายแบบมากๆ เดี๋ยวจะพาไปร้านกาแฟร้านนึงที่น่าไปมากๆ



1 ในคาเฟ่ที่กำลังฮิตตอนนี้ที่ Weligama คือร้าน Good Story Coffee ซึ่งหลายคนแนะนำว่าอร่อย อาหารเช้าดี กาแฟดี มี Bagels ขึ้นชื่อ ร้านดูสวยๆตกแต่งสไตล์เรียบๆ ประดับไปด้วยภาพและฟินกระดานโต้คลื่น




ความพีคของร้านคือมีมุมนั่งที่ถ่ายรูปออกมาสวย และมีมุมมนึงที่ผมไม่ได้ถ่ายคือ หากนั่งหันหลังอยู่ที่เก้าอี้ในภาพด้านล่างแล้ว บางช่วงจังหวะที่มีรถไฟวิ่งผ่าน ภาพออกมาคงสวยมากๆ แต่เนื่องด้วยเป็นผู้ชายไปกันสองคน มานั่งถ่ายรูปประดิษฐ์กันคงดูไม่ดีแน่เลยขอผ่าน ใครไปถ่ายมุมนี้มาได้เอามาอวดด้วยนะ








ด้านบนของร้านยังเป็นร้านขายของสวยๆเหมาะสำหรับสาวๆ ลองขึ้นไปดูได้ครับ ของที่ขายทั้งหมดดูเหมือนจะมาจากบาหลีเลย ชอบก็ซื้อไม่ชอบก็ข้ามนะจ๊ะ





และยังมีน้องหมาเจ้าถิ่น มาอ้อนมาทักทายถึงโต๊ะ ไปดูคาเฟ่เพิ่มเติมได้ที่ www.instagram.com/goodstorycoffeeshop



สำหรับผมและติ๋วชีวิตที่ Weligama คือปล่อยให้เวลาไปเรื่อยเปื่อยมากๆ แต่ใช้เวลาคุ้มค่า ตื่นเช้า ช่วงเวลาระหว่างวันก็ไม่ได้มีกำหนดอะไร เราแค่วางแผนเลือกร้านข้าวที่อยากไป เลือกคาเฟ่ที่อยากกิน กินอิ่มก็แยกย้าย ไปนอนบ้าง ไปหามุมส่วนตัวอ่านหนังสือบ้าง




และเอาเวลาหลังจากชาร์จแบตเตอรี่ไปเที่ยวหาหาดใหม่ๆ




และตกเย็นก็จบด้วยการโต้คลื่น ที่จุดต่างๆที่โน่นครับ มีเยอะมากๆ ใครพึ่งเริ่มก็โต้หน้าหาดได้เลย ส่วนใหญ่อยากท้าทายหน่อยก็สามารถไปจุดต่างๆได้ครับ ใครอยากรู้ว่าบรรยากาศการโต้คลื่นเป็นยังไงลองกดดูนะครับ




และทุกคืนเราจะปิดท้ายด้วย Seafood สดๆ ราคาโคตรถูก จิบเบียร์คนละขวาดสองขวด เขียนบันทึกในแต่ละวันและก็เข้านอน บอกเลยนี่คือการท่องเที่ยวที่แบบไม่กดดันและสบายใจตามสไตล์เราจริงๆ



จริงๆแล้วเรื่องราวใน Weligama ยังมีอีกเยอะมากๆ ซึ่งโพสต์ในบทความเดียวคงไม่พอ เลยขอแยกสถานที่ต่างๆนอกเหนือจากนี้ เช่น




- หาด Marissa แหลมที่ยื่นออกไปกลางทะเลที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าว นี่คือจุดนี่เหล่า Instagrammer ทุกคคนต้างมาถ่ายรูป ไปยังไงอยู่ตรงไหน ขากลับแวะทานคาเฟ่ร้านไหนดี รออ่านได้เลย


- Galle เมืองเก่าโคตรเท่ที่มีประภาคาร Land Mark ที่มาแล้วต้องไปถ่ายรูป บอกตามตรงตอนดูในรูปเฉยๆ แต่พอไปแล้วโคตรดี เมืองนี้ถ่ายรูปสวยมากๆ


ขอจบตอนที่ 2 ด้วยภาพโดรนที่ทำให้เพื่อนๆพอได้เห็นความสวยงามของเมือง Weligama ประเทศศรีลังและหวังว่าเพื่อนๆจะรออ่านตอนหน้านะครับ







สำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวศรีลังกา อย่าลืมลองวานแผนเช็ควันและราคาได้ที่ www.airasia.com มีบินตรงดอนเมือง - โคลัมโบ สะดวกสบายและประหยัดไปได้เยอะ รออ่านตอนที่ 3 กันนะครับ

#ไปศรีลังกาไปกับแอร์เอเชีย




TAGS

No tags yet.
bottom of page