top of page

HOKKAIDO IN SUMMER

เมื่อนึกถึง Hokkaido นี่คือ 3 สิ่งที่ผมนึกออก ภูเขา หมี และหิมะ ครับ

แต่ถ้าเติมคำไปอีกนิดเป็น Hokkaido In Summer บอกเลยว่าในหัวสมองว่างเปล่ามากๆ คิดอะไรไม่ออกเลย นั่นคืออาการของผมก่อนตัดสินใจไปเที่ยวฮอกไกโดในฤดูร้อนครับ และความคิดทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อ....



เย็นวันนี้ผมนัดเจอกับเพื่อนๆที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเช็คอินกับสายการบิน airasia ที่มีไฟล์ทบินตรงไปยังเมือง ซัปโปโร ( สนามบินชินชิโตะเซะ ) ทุกวัน เพื่อนบอกว่าก่อนที่ Airasia จะมีรูทนี้ จะเที่ยวฮอกไกโดต้องจ่ายราคาค่าตั๋วแพงมากๆแต่ตอนนี้ บินง่าย บินสบาย บินคุ้มสุดๆ ผมชอบเวลาของไฟล์ทนี้นะ 23:55 เลิกงานแล้วบินต่อได้เลยประหยัดเวลาไปหนึ่งวัน นอนบนเครื่องบินและตื่นไปเที่ยวได้เลย

  • airasia เริ่มเปิดเส้นทางดอนเมือง - ซัปโปโร ในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ในราคาเริ่มต้น 3990 บาท ปัจจุบันราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,330 บาทถือว่าไม่แพงเลยครับ ไปกลับรวมแล้วอยู่ที่ 8980 บาท ลองวางแผนเช็คราคาตั๋วดูนะครับ #thaiairasiax #taax #บินตรงจากดอนเมืองสู่ซัปโปโร



เครื่องบินที่ใช้เป็นแบบ Airbus 330 ลำใหญ่ ที่นั่งเรียงแถวแบบ 3-3-3 ซึ่งเวลาจองเราสามารถเลือกที่นั่ง เลือกเมนูอาหารบนเครื่องล่วงหน้าได้ง่ายๆ แนะนำให้สั่งอาหารล่วงหน้าประหยัดกว่าเยอะมากๆ สามารถตรวจสอบราคาและวางแผนการเดินทางได้ที่ airasia.com



อาหารบนเครื่อง หลายครั้งที่ไม่สั่งแต่แบบเห็นคนข้างๆกินแล้วมันทรมานมากอ่ะ สั่งล่วงหน้าเหอะ คุ้ม

แค่ดูจากบนเครื่องบินก็พอจะรู้แล้วว่า เมืองนี้เน้นการทำเกษตรกรรม

ถึงสนามบินชินชิโตะเซะแล้วครับ สิ่งที่ผมคิดไว้คือหน้าร้อนของฮอกไกโดต้องร้อนมากๆแน่ๆ แต่ไม่เลย หน้าร้อนของเค้าอากาศเย็นสบาย ตอนกลางวันอาจจะอยู่ที่  27 - 30 องศา ดีนะไม่พกแต่เสื้อกล้ามมา



สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวและฤดูหิมะ คงมีเยอะแยะแล้วตามรีวิวต่างๆ สำหรับทริปนี้เราจะพาทุกคนไปตื่นเต้นพร้อมๆกันกับเส้นทางที่คนไทยไม่ค่อยจะรู้จัก แต่รับรองว่าสวยและได้สัมผัสธรรมชาติแบบเต็มๆแน่นอน


ทริปนี้เราเริ่มการเดินทางออกจากสนามบินตรงดิ่งไปยังเมือง Obihiro ทริปนี้เราเลือกจ้างคนขับรถครับ แต่ถ้าเลือกได้ขอบอกว่า เช่ารถขับกันเองก็น่าจะสนุกมาก ขับง่ายสองข้างทางสวย อยากแวะจอดตลอดทาง.


จาก Obihiro ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนะครับผม ฟังเพลงไป 1 Playlist ก็ถึง


ขอแอบเกริ่นถึงเมือง โอบิฮิโระ


โอบิฮิโระเป็นเมืองหลักของเขตโทคาจิ โอบิฮิโระมีแม่น้ำที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นไหลผ่านในเขตเมือง ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้จัดให้แม่น้ำซะสึไนเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาดระดับ A จึงมีโรงแรมมากมายเปิดบริการใกล้แหล่งน้ำและจุดเด่นก็คือน้ำออนเซนที่ไม่เหมือนใคร อ่านมาแค่นี้ผมก็แอบจินตนาการอยากจะแก้ผ้าหย่อนตัวลงอ่างแล้วล่ะครับ แต่ยังก่อนใจเย็นๆ


Tokachi Millennium Forest


เริ่มต้นทริปฮอกไกโดฤดูร้อน ด้วยสวนดอกไม้และคาเฟ่ แค่เริ่มก็สนุกแล้ว

ระหว่างทางเราขอแวะเที่ยวกับที่ Tokachi Millennium Forest กัน มาเหยียบถึงที่นี่ก็ต้องไปาหาที่ชิคๆ เช็คอินให้เพื่อนๆเห็นกันก่อน ขอเปิดตัวด้วยภาพตัวเองอยู่ในทุ่งดอกไม้ 555



ที่นี่เรียกเป็นภาษาไทยว่า สวนป่าพันปี มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าถึง 400 เฮกเตอร์ โดยภายในส่วนได้จัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ  Earth Graden , Forest Garden, Meadow Garden, Farm Garden , Kitchen Garden และ Rose Garden ที่นี่ยังมีการเลี้ยงแกะ โรงทำชีส ( Cheese Factory Nichiyu ) ด้วยนะ








แต่ที่ผมชอบและถูกจริตมากที่สุดคงจะเป็น Garden Cafe Raurau ที่เป็นคาเฟ่สร้างด้วยไม้ยกสูงที่ดูอบอุ่นและโรแมนติกสุดๆ เราเริ่มสั่งเมนูจากด้านหน้า ที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายอย่างช้าๆ หิวจังเลย

เมนูของที่นี่น่าทานมากๆ เราเลือกขนมปังที่มีไส้กรอกและผัก พร้อมด้วยกาแฟที่ใช้นมจากที่นี่เป็นวัตถุดิบหลัก โอ้ยย แค่เขียนก็หิวแล้วเนี่ย ไปดูหน้าตาอาหารกันเลยครับ




ผมกัดผักที่นี่ไปคำแรก ก็อุทาน “ กรอบ อร่อย “ ดังลั่นจนคนขับรถหันมามองแล้วหัวเราะ ผมไม่เคยกินข้าวโพดอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ผมบอกเพื่อนในโต๊ะไปอย่างนั้น เพื่อนคนนึงที่เคยมาฮอกไกโดบ่อยๆ ขอเรียกว่ามันว่า Hokkaido Expert เพื่อนเล่าว่าเขตนี้ โทะกะชิ ได้สมญานามว่า ครัวของฮอกไกโด เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดี ปลูกอะไรก็อร่อย และทริปนี้เราจะไปหาสาเหตุกันว่าทำไม ใครๆมาเมืองนี้แล้วติดใจความอร่อยของครัวฮอกไกโดกัน





ทานเสร็จแล้วเราก็ไปเดินในส่วนของ Forest Garden เป็นป่าญี่ปุ่นที่แตกต่างจากเมืองไทย ร่มรื่นอากาศเย็น เดินสบายๆเพลินๆ




สำหรับ Tokachi Millennium Forest ผมขอสรุปคร่าวๆว่า ก็เป็นสถานที่ที่น่ามาเที่ยวแบบไม่ต้องรีบร้อน ถ้ามีครอบครัวมีเด็กๆก็คงตื่นเต้นกับดอกไม้สวยๆหลายๆชนิดที่เมืองไทยไม่มี หากมีเวลาเพิ่มอีกนิดก็สามารถไปร่วม workshop ทำชีสหรือกิจกรรมอื่นๆได้ มีให้เลือกเพียบเลย


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้ที่ http://tmf.jp/language/eng/



---------------------------------------------


Tokachigawa Onsen Daiichi Hotel



จะมีอะไรดีกว่าการมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วได้แช่ออนเซนส่วนตัว ที่ระเบียงของห้องตัวเอง

และการมาถึงโอบิฮิโระคืนแรกก็น่าประทับใจแล้วครับ เพราะเราเลือกพักกันที่โรงแรม Tokachigawa Onsen Daiichi Hotel ตามที่กล่าวท้าวความถึงเมืองโอบิฮิโระว่าเป็นเมืองที่มีน้ำ (แร่) ดี เราเลยเลือกที่จะมาพักโซนนี้ที่เขาลือเขาเล่าอ้าง ( เขาว่ากันว่า Tokachigawa Onsen Daiichi Hotel เป็นโรงแรมที่ดังและจองยากที่สุด เขานี่ก็ไม่รู้ว่าใคร )



ที่นี่มีห้องหลาย Roomtype มากๆเริ่มจาก Spa Suite ( มีอ่างออนเซ็นส่วนตัวที่ระเบียง ) , Modern Suite, Corner Delux, Deluxe และโรงแรมยังมีอีกโซนนึงด้วยเป็นห้องแนว  Tokashi Modern ซึ่งมี 3 Roomtype แยกย่อยไปอีก สำหรับผมเอง ผมนอนห้องแบบ Spa Suite ครับ * ที่ญี่ปุ่นโรงแรมเค้าคิดราคาเป็นหัวนะครับ



สำหรับห้อง Spa Suite จะมีบริการ Premium Lounge สามารถไปนั่งดื่ม จิบ ทานขนมชมวิวได้ตามอัธยาศัย หลังจากนั่งพักสักนิด ถึงเวลาเดินพาไปชมห้องแล้วครับ






อยากบอกว่าห้องดีมากๆ ดีที่สุด อาจหรูไปนิดสำหรับผม มันเหมาะกับการมา Honeymoon เว่อ ห้องน้ำสวยมาก และที่สุดๆเจ๋งสุดๆก็คืออ่างออนเซนอยู่ที่ระเบียง แช่น้ำไปจะมองเห็นสะพานแขวน และแม่น้ำวิวสวย สงบมากๆเลย


แน่นอนพระอาทิตย์กำลังจะตกอากาศกำลังหนาว ผมไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องผ้าไปแช่น้ำเก็บความทรงจำกับวิวดีๆแบบนี้




ช่วงนี้เย็นเป็นการทานอาหารค่ำแบบ Buffet มีอาหารให้เลือกเยอะมากๆครับ ผมก็พยายามเลือกทานอะไรที่เป็น Signature ของที่นี่เช่นชีส ข้าวแบบหม้อไฟเล็ก ปลาดิบ สเต๊ก แต่เอาจริงๆอะไรก็อร่อยไปหมด บ้าบอมาก



Buffet ไลน์อาหารใหญ่ เยอะ ยาวมากๆครับ แต่ขอตัดภาพหลายๆภาพออกเนื่องจากวันนั้นคนเยอะ เพื่อรักษา Privacy แขกของโรงแรมน้า แต่ว่าขอแนะนำโรงแรมนี้เลย สมบูรณ์ ครบ จบ ทุกอย่าง




  • ภายในโรงแรมมีร้านขายของฝาก ผลไม้และอาหารครับ แอบส่องไปเจอเมล่อน ราคาดีงามมาก 100  บาทไทย ป้ายเขียนว่าเป็นเมลอนมาจากเมืองที่เมล่อนอร่อยที่สุดด้วยนะ จะรออะไรให้จัดสิ

Public Onsen

แม้ในห้องส่วนตัวของผมจะมีออนเซนส่วนตัวที่แช่ได้ไม่ต้องอายใคร แต่การมาถึงญี่ปุ่นขอบอกว่าการพักโรแรมดีๆ ดีไม่ดีให้ดูได้ที่ออนเซ็น ในขณะที่เพื่อนๆหลับกันผมก็ย่องลงไปแช่ออนเซ็นแบบเงียบๆ

ที่นี่ออนเซนอลังการมาก มีสองชั้นและแยกเป็นบ่อหลายประเภท


ขอเล่าเรื่องคุณสมบัติพิเศษของออนเซนที่นี่สักนิด


น้ำแร่ที่นี่เรียกว่า Moor เป็นน้ำแร่ที่มีสีส้ม ( Amber ) เกิดจากการหมักหมมแร่ธาตุในชั้นดินนานหลายปี น้ำ Moor ขึ้นชื่อในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นของผิว อันนี้ดังมากๆจริงๆ สาวๆเลยฮิตมาที่นี่กันมาก ตอนที่ผมแช่หรือว่าล้างตัว น้ำค่อนข้างลื่นนิดหน่อยไม่เหมือนแร่ที่อื่นๆ แต่หลังจากแช่แล้วรู้สึกถึงความสบาย ผิวพรรณดี อันนี้ไม่ได้คิดไปเอง :)

  • คำว่า Moor เป็นภาษาเยอรมันหมายถึงถ่านหินและลิกไนต์ น้ำแร่ Moor คือน้ำที่ผ่านชั้นของถ่านหินและลิกไนต์กว่า 10 ล้านปี บร๊ะเจ้าใครเป็นคนนับเนี่ย



เมื่อคืนนอนหลับสบายมากๆ ไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเลย ผมแอบตื่นเช้ามาแช่น้ำอีกรอบ ได้มีโอกาสนั่งดูแสงแรกของตอนเช้าในวันที่สองของโอบิฮิโระอย่างช้าๆ มีความสุขมาก งือ ไม่อยาก Check-out เลยจริงๆ


ด้านนอกของโรงแรมมีจุดนั่งชมวิว ที่สามารถแช่เท้า ( น้ำแร่ ) ดูพระอาทิตย์ตกได้ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพัก www.daiichihotel.com/

อ่านรีวิวโรงแรมนี้โดยนักท่องเที่ยวได้ที่ https://bit.ly/2y03ZDP


---------------------------------------------


Garden spa Tokachigawa onsen



ถ้ามาเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วอยากออนเซนด้วยกันทำไง มาเที่ยวที่นี่เลยครับ

Garden spa Tokachigawa onsen


เรามุ่งหน้าไปยังเมืองทะเลสาบที่ขึ้นชื่อของเขตนี้ แต่ออกมาโรงแรมนิดเดียว เห็นจุดพักรถเป็นอาคารไม้สวยมากๆ เราเลยแวะไปเดินเล่นกันครับ ผมจะได้หากาแฟจิบๆระหว่างนั่งชมวิวข้างทางไปด้วย เราแวะกันที่ Garden spa Tokachigawa onsen






จริงๆแล้ว Hightlight หลักๆของที่นี่คือเป็นสปาแช่ออนเซนที่แหละ แต่ความแตกต่างคือดูทันสมัย ที่นี่จะเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เพราะเป็นออนเซนรวม ที่สามารถใส่ชุดแช่ออนเซนได้ ( ไม่ต้องเขินไม่ต้องอาย ) แต่ที่ผมชอบนอกเหนือจากนั้น ที่นี่ดูเหมือนเป็น Community Mall  ซะมากกว่า มีร้านเบเกอรี่อบขนมใหม่ๆ มีร้านกาแฟ มีร้านขายอาหารอิตาเลี่ยน และมีร้านขายของฝากขึ้นชื่อของเมืองนี้


แอบชอบการขายของฝากของคนที่นี่คือ เค้าเน้นเลือกของดีมาขายกันและแต่ละร้านไม่เหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่าของฝากมีคุณภาพอะไรก็น่าซื้อกลับไปหมด


* น้ำแร่เป็นแบบเดียวกับที่โรงแรมที่พักเมื่อคืนครับ


ข้อมูลเพิ่มเติมของ Garden spa Tokachigawa onsen


ค่าบริการออนเซ็น อายุเกิน 13 1500Y , 4 - 12 600Y , อายุตำ่กว่า 3 ฟรี

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.tokachigawa.jp/


---------------------------------------------


Road Trip


การเที่ยวแบบ Roadtrip ทำให้เราได้เห็นอะไรเยอะกว่า อยากแวะอยากเที่ยวเพิ่มก็ได้

หลังจากทริปเที่ยวโอกินาว่ากับเพื่อนๆครั้งก่อน ทำให้ผมเริ่มชอบการเดินทางแบบ Roadtrip ขับรถไปเรื่อยๆทำให้เราได้เห็นอะไรมากกว่า และบางครั้งยังทำให้สามารถเห็นวิถีชีวิตของผู้คนจริงๆที่นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย







ระว่างทาง เราได้เลือกแวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปในร้าน บรรยากาศและหลายๆอย่างดูไม่เหมือนญี่ปุ่นเลย การตกแต่งดูมีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า นี่คือ " ไอนุ " และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสนใจ ที่ทำให้พวกเรา Google หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไอนุกัน ก่อนที่ข้าวหน้าหมูจานเด็ดนี้จะมาถึง


---------------------------------------------


Lake Kussharo ( ทะเลสาบคุชาโระ )



ทะเลสาบน้ำใสที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศญี่ปุ่น

เป้าหมายต่อไปของเราคือ Lake Kussharo

ทะเลสาบคุชชาโระ เป็นทะเลสาบชื่อดังของที่นี่ซึ่งทะเลสาบเกิดขึ้นบนปากปล่องภูเขาไฟและเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ในประเทศญี่ปุ่น ถ้ามาในฤดูหนาวที่นี่ก็กลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมดเลยครับ ใช้เวลาเดินทางจากโอบิฮิโระประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที ระยะทางประมาณ  174 กิโลเมตร

  • ชื่อ Kusshsro เป็นภาษาไอนุ

  • ไอนุชนคือกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในฮอกไกโดมานาน มีวัฒนธรรมที่แต่ต่างๆ เราสามารถสังเกตุได้จากลวดลายของเสื้อผ้าและหน้าตาที่แตกต่างจากคนญี่ปุ่น ( ผู้หญิงจะต้องสักปากด้วยนะแก ) ปัจจุบันชาวไอนุได้มีประชากรลดลงมากๆ และเชื่อกันว่าปัจจุบันเหลือชาวไอนุดั้งเดิมเพียงไม่ถึง 5 คนเท่านั้น คนฮอกไกโดพยายามนำศิลปะไอนุมาผสมผสานศิลปะต่างๆเพื่อระลึกถึง รวมถึงมีตัวการ์ตูนที่เป็นคนไอนุอีกด้วย


---------------------------------------------


Somokuya


พายเรือ Canadian Canoe ครั้งแรกในชีวิตไปพร้อมกับผมเลยครับ


เราขับรถผ่านโรงแรมที่จะพักคืนนี้ และหยุดที่กระท่อมไม้ทรงสามเหลี้ยมเล็กที่ดูแอบเกร๋และน่ารักมากๆ ร้านนี้ชื่อว่า Somokuya เป็น Ourdoor activity shop ซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะเป็นกิจกรรมล่องเรือ Canadian Canoe และในช่วงฤดูหนาวจะเป็นกิจกรรมสกี ซึ่งภายในร้านตกแต่งสวยงาม เจ้าของร้านสามีเป็น Designer เลยมีสินค้าเกร๋ๆชิคๆอยู่มากมาย ส่วนภรรยากำลังอบเค้กอยู่ในเตา ที่นี่ยังมีการแฟดริฟแบรนด์ตัวเอง ออกแบบได้สวยมากขากลับต้องแวะซื้อซะหน่อย




อ้าวววว !! พร้อมจะไปแจวเรือ เอ้ยล่องเรือ Canadian กันแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วใส่ชูชีพ ใส่หมวก และตามพี่ชายสุดหล่อของพวกเรากันไปเลย ปกติที่ไทยผมมีโอกาสพายเรือแคนนูพายจนเบื่อ ครั้งนี้คือ Very First time ของการพาย Canadian Canoe ของผม ก่อนอื่นเจ้าหน้าที่ได้กำชับถึงความปลอดภัยและเล่าเรื่องอธิบายเส้นทางที่เราจะไปกัน เอาจริงๆล่องเรือแบบนี้ตื่นเต้นที่เป็นเรือแบบใหม่ แต่ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรว่าจะสนุกหรือมีอะไรหวือหวา





เรือหนึ่งลำนั่งได้ 2 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ 1 ท่านที่คอยดูแลและยอมให้เราเป็นภาระตลอดการเดินทาง 555

เราเริ่มลอดสะพานจากทะเลสาบ Kussharo เริ่มล่องไปอย่างช้าๆ เพราะผ่านสะพานไปเท่านั้นแหละก็เห็นกับวิวสองข้างทางที่เป็นป่า น้ำใส ไหลเย็นเห็นตัวปลามากเลยอ่ะ คือน้ำสะอาดสดชื่อนมากๆ แต่ดื่มไม่ได้นะ เพราะบริเวณนี้อาจมีหมาป่ามาฉี่ไว้ หากเราฉี่ไว้หมาป่ามากินก็คงติดเชื้อเช่นกัน 555



คือ ณ โมเมนต์การล่องเรือตอนนั้น บอกตามตรงว่าได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติของฮอกไกโดมากๆ ที่นี่อากาศดีสุดๆ ผู้คนน่ารัก วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่า “ แอบหลงรักฤดูร้อนของฮอกไกโด เหมือนกันนะเนี่ย “


ระหว่างที่นั่งเรือแบบแอบเอามือราน้ำอยู่สักพัก พี่ไกด์คนดีของเราก็บอกว่า ลองเอามือจุ่มน้ำดูสิ แต่อย่าพึ่งเอาขึ้นมานะ พี่ไกด์จะแอบพาไปอีกมุมหนึ่งของลำธารที่มีอะไรรออยู่ จากประสาทสัมผัสปลายมือของผมบอกผมว่า น้ำเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ เย็นเหมือนเอามือแช่ในน้ำถังน้ำแข็ง มองไปข้างหน้าก็เห็นวิวนี้ ในป่ามีควันลอยออกมา บนผิวน้ำก็เช่นกัน ที่นี่คือต้นน้ำตามธรรมชาติ ที่เป็นจุดกำเนิดแหล่งน้ำเล็กๆของลำธารนี้ เค้าเรียกจุดนี้ว่า ลำธารกระจก เพราะสามารถเห็นเค้าสะท้อนบนน้ำและยังมองเห็นทะลุไปยังพื้นได้อีกด้วย ในน้ำมีสัตว์ให้เห็นอยุ่เรื่อย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา เป็นการล่องเรือที่สนุกมากๆเลยครับ





และไปหมดเพียงเท่านี้ พี่ไกด์ก็พาเราแอบเลี้ยวเข้าพุ่มไม้ เทียบเรือเพื่อนอีกลำที่มาด้วยกัน และพูดพร้อมกันว่า It’s Coffee Time  ผมนี่แทบอุทานในลำคอ สำหรับคนที่ติดกาแฟงอมแงมแบบผม ไม่มีอะไรดีกว่าไปการอยู่ท่ามกลางป่า อากาศเย็นๆสบาย มีกาแฟร้อนๆดีๆ สักแก้วนึง แต่ที่บียอนด์กว่านั้นคือพี่ไกด์บอกให้เรา เอาไม้พายขึ้นมาวางเป็นแนวขวางบนเรือเพื่อทำเป็นที่วางแก้วกาแฟ วันนี้ยังมีขนมใหม่ๆที่ภรรยาของเจ้าของพึ่งอบให้ด้วย โอ้ยฟิน นี่คือช่วงเวลาสุดประทับใจของผมในทริปนี้เลยครับ : )






หลังจากล่องเรือเสร็จผมก็ไม่พลาดที่จะไปซื้อเค้กเพิ่มเพราะอร่อยมากๆ อร่อยแบบถ้าหมดก็ขอกราบให้ช่วยอบใหม่ กาแฟเค้าก็ดีซะเหลือเกิน ขอชื่นชมในความน่ารักของเจ้าของและทีมงานที่นี่ แล้วจะมาอีกนะครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.somokuya.com/


---------------------------------------------


Kussharo Prince hotel




โรงแรมที่เราพักกันคืนนี้มีชื่อว่า Kussharo prince hotel เป็นอีกโรงแรมดังที่คนนิยมมาพักเพราะว่าวิวสวยอยู่ติดกับทะเลสาบเลย ห้องแม้อาจจะดูแนวคลาสสิคไปนิดแต่วิวนี่ต้องยอมให้เค้าเลย เปิดม่านมาก็เจองี้



นอกเหนือจากนี้ยังมีบ่อออนเซนและห้องอาหารกลางสวนที่ดูโล่งโปร่งอลังการมากๆ

  • โรงแรม Prince ยังมีสาขาอื่นๆที่ Sapporo, Furano,Kushiro , New Furano และ Hakodate-Onuma อีกด้วย ครอบคลุมทุกจุดท่องเที่ยวบนเกาะเลย

ที่ผมชอบมากที่สุดนอกจากวิวในห้องนอนผมแล้ว ผมแอบชอบห้องอาหารที่นี่มากๆ อลังการ สูงโปร่ง มีอาหารให้เลือกมากมาย ก็ถือว่าคุ้มค่าเงินทุกบาทที่จ่ายไป





หลังจากทานอาหารค่ำที่มีให้เลือกจนตาลาย อร่อยทานได้เต็มที่จนอิ่ม ผมก็เลือกขึ้นไปนั่งอ่านหนังสือ รอจนอาหารย่อยและก็แอบไปใช้บริการของออนเซนครับ คืนนี้ต้องรีบเข้านอนเพราะว่าพรุ่งนี้เช้ามืดเราจะตื่นกันไปเที่ยวจุดชมวิวที่อยู่ใกล้ๆกับโรงแรมครับ


---------------------------------------------


Tsubetsu Pass


ตื่นเช้ามากๆ แต่รู้สึกสดชื่น อากาศดี เรารีบขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวที่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า สวยและสามารถเห็นทะเลหมอกได้บ่อยๆ


ถึงแล้ว จุดชมวิวทะเลสาบคุชชาโระ แม้ว่าวันนี้จะไม่มีทะเลหมอกอย่างที่เราคาดการณ์กันไว้ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ตื่นเช้าๆและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการชมวิว และสูดอากาศเย็นๆ


และตบท้ายความฟินด้วยการที่ มีกาแฟมาให้จิบถึงที่ ดีงาม ขอกราบสามครั้ง กราบ กราบ กราบ





เรากลับมาถึงโรงแรม เจ้าเพื่อนตัวดีของผมบอกว่า ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ที่โรงแรมมา ใกล้ๆโรงแรมมีต้นไม้ศักดิ์สิทธ์ ก่อนหน้านี้เจ้าของโรงแรมไปพบเข้าและอธิษฐานเลยทำให้ธุรกิจโรงแรมรุ่งเรือง ผมนี่เลยรีบจั้มเท้า เดินเข้าไปขูดหวย เอ้ย !!! ไปอธิษฐานบ้าง


" ขอให้ได้กลับมา Hokkaido อีกนะ "




ช่วงเวลาที่มีความสุขมักผ่านไปไวเสมอ เราทานอาหารเช้า เก็บกระเป๋าและเตรียมตัวมุ่งหน้าไปเที่ยวสถานที่อื่นๆกันต่อครับ


---------------------------------------------


Sunayu


ขุด แช่ ฟิน คือคำนิยามของ Sunayu

Sunayu เป็นบริเวณหนึ่งในทะเลสาบคุชาโระ ซึ่งในฤดูหิมะ มุมนี้จะสวยมากๆ ภูเขาจะกลายเป็นสีขาวและทะเลสาบจะเต็มไปด้วยหงษ์หลายร้อยตัว แต่วันนี้เรามาเยี่ยม Sunayu ในฤดูร้อนก็จะมีความแตกต่างที่น่าสนใจไม่แพ้กัน




บริเวณนี้หากสังเกตุทรายสีๆจะเป็นสีดำ มองไปรอบๆมีนักท่องเที่ยวเอาที่ขุดทรายมาจากบ้าน และครอบครัวก็ช่วยกันขุดให้เป็นหลุม และเอาตัวลงไปแช่


ถูกแล้วครับที่คือบ่อออนเซนธรรมชาติ แม้ว่าอากาศข้างบนจะหนาวเย็น และน้ำที่อยู่ใต้ทรายสีน้ำนี้อุณภูมิร้อนกำลังดี ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงาม น่ามาพักผ่อนหย่อยใจ มีร้านค้าและร้านอาหารเล็กๆด้วย






http://sunayu.teshikaga.asia/english/index.html

* ที่ทะเลสาบคุชาโระ เคยมีเรื่องเล่าว่า เคยมีคนโบราณเคยเห็นเจ้าตัวคอยาวๆคล้ายไดโนเสาร์ในทะเลสาบ เรียกกันว่า Khusshie ( กุชชี่ ) เค้าเลยนำมาเป็นสัญลักษณ์สัตว์ของที่นี่ซะเลย น้องน่ารัก ตาแข็งเชียว


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://sunayu.teshikaga.asia/english/index.html


---------------------------------------------


MT.Iozan


ระหว่างทาง เราก็เห็นสถานที่หนึ่งที่มีคนจอดรถอยู่ค่อนข้างมาก เลยขอแวะลงไปถ่ายรูปกันบ้าง ที่นี่คือ Mt.Iozan ภูเขาที่มีควันกำมะถันพวยพุ่งออกมา คล้ายๆทริปโบรโม่คาวาอีเจี้ยนอะไรทำนองนั้น สามารถแวะถ่ายรูป หรรือจอดรถคลายเมื่อยได้






---------------------------------------------


Naitai Kogen Farm


ระหว่างทางที่เราขับรถตรงยาวหลายชั่วโมงไปยังเมืองโอบิฮิโระกัน ก็ขอแวะชมวิวกันที่เมืองคามิชิโฮะโระ บริเวณนี้เป็นฟาร์มของรัฐที่เลี้ยงสัตว์ตามธรรมชาติ มีจุดจอดรถที่เราสามารถไปนั่งชมวิวเมืองแบบพาโนราม่า มีร้านขายขนม ขายไอศกรีม





หลังจากพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว ขอเดินทางกันต่อไปทำกิจกรรมสนุกๆของวันก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเช็คอินโรงแรมใหม่ที่เมืองโอบิฮิโระ


---------------------------------------------


Itadakimasu Company


แอบจะหยิกเพื่อนไปหนึ่งที่ เมื่อเห็นในตารางในกรุ๊ปไลน์ว่า จะไปแวะฟาร์ม เพราะไม่อินเลยสักนิด แต่เพื่อนบอกว่าจำวันแรกที่มาถึงได้มั้ย ที่ไปกินผักในคาเฟ่ที่ Tokachi Millennium Forest แล้วผมถามว่า ทำไมผักที่ฮอกไกโดถึงอร่อยมาก นี่ไงจะพามาดูความลับของที่นี่


การไปเที่ยวฟาร์มเป็นอะไรที่ดูเหมือนโคตรน่าเบื่อ แต่เมื่อมาถึงความคิดของผมก็เปลี่ยนไปครับ มันสนุกมาก


เราแวะมาเที่ยวกันที่ Itadakimasu Company เป็นอุตสาหกรรมที่ที่การเกษตรแบบผสม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายเรื่องราวต่างๆ เข้าใจง่ายมากๆ


แรกเริ่มผมโดยเปิดการสทนาว่า " ให้ทายว่าฟาร์มใหญ่ขนาดนี้ ปลูกผักผลไม้เยอะมากขนาดนี้ ใช้คนทั้งหมดกี่คน "


ผมทายไปว่า " 50 คน " แต่คำตอบที่ได้คือ 4 คนจาาาาาาาาา ช๊อคไปเลย





Kyoko เล่าว่า ที่ฮอกไกโดคนส่วนใหญ่ทำการเกษตร แม้ว่าช่วงเวลาของการทำการเกษตรจะสั้นมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นฤดูร้อน และพืชผักส่วนใหญ่จะไม่สามารถเติบโตได้ในช่วงฤดูหิมะ แต่สินค้าพืชผักจากที่นี่ถูกส่งไปทั่วโลก ตามมาๆ ฉันจะพาไปเดินดูกันว่า ทำไมใครๆก็บอกว่า พืชผักที่นี่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น เอ้า ใส่หมวก ใส่รองเท้าบู๊ตแล้วเดินเรียงแถวตามมาได้เลย


ตลอดทาง Kyoko ได้ใช้สมุดที่พกติดตัวเรามาอธิบายการทำงานที่นี่ ในสมุดมีข้อมูลทุกอย่างราวกับเป็นของวิเศษจากกระเป๋าโดเรม่อน Kyoko เล่าว่า เราจำเป็นต้องปลูกผักหมุนเวียนกันไปและรักษาแร่ธาติของดินให้ดีที่สุด และ Kyoko ก็เล่าถึงความลับของความอร่อย สด หวานของผักที่นี่ หนึ่งมาจากความใส่ใจ สองมาจากภูมิประเทศและอากาศของที่นี่ ที่หนึ่งวันมีการเปลี่ยนแปลงอากาศจากร้อนไปจนหนาวในตอนกลางคืน ผมจับใจความได้ว่า พืชผัก ปรับสภาพและเข้าใจว่าแต่ละวันช่วงกลางคืนกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวถึงเก็บเกี่ยวและดูดแร่ธาติจากดินขึ้นมาตักตวงให้ส่วนต่างๆให้มากที่สุดเลยทำให้ พืชผักของที่นี่ สด กรอบ อร่อย ไม่เหมือนใคร



และกิจกรรมของเราในวันนี้คือ การขุดมัน และหลังจากนั้นเราจะนำมันที่ขุดได้ไปทำอาหารกัน


หลังจากที่ขุดมันเสร็จแล้ว Kyoko ก็พาเราไปนั่งในเตนท์กลางฟาร์มและยกสิ่งนี้มาให้ นี่คือผักส่วนหนึ่งที่ปลูกในฟาร์ม กับชีสชั้นดีของเมืองนี้ และตอนนี้ผมเริ่มได้กิน มันที่เราพึ่งขุดกันมาถูกทอดในน้ำมันร้อน ขอโทษที่ไม่มีภาพ เนื่องจากทุกอย่างได้ไปอยู่ในท้องเป็นที่เรียบร้อย



กิจกรรมนี้เป็นอะไรที่ตอนแรกแอบเซงมาก แต่ตอนจบฟินมากๆเลย คือบรรยากาศดีมากๆ ส่วนหนึ่งต้องมาจาก Kyoko ที่พาเราเที่ยว อธิบายข้อมูลต่างๆได้อย่างน่าสนใจ เค้าอธิบายในสิ่งที่เค้ารักแล้วเรารู้สึกได้ถึงพลังงานและความสุข แถมยังปิดท้ายด้วยการได้ทานผักและอาหารที่เก็บกันมาเอง ผมบอกเลยว่าอันนี้ประทับใจมากๆ


---------------------------------------------


Hotel Nupka


พักหรูๆมาหลายคืน วันนี้เราเลยเลือกพักที่ Hotel Nupka เป็นโฮสเทลขนาดเล็กๆที่ออกแบบได้สวยงาม มีห้องพักทั้งแบบดอร์มและแบบห้องส่วนตัว ซึ่งความน่าสนใจอีกอย่างคือมีคาเฟ่ ( คะแนนกาแฟสูงมาก ) และยังผลิตเบียร์ชื่อดังเองอีกด้วย



โลเคชั่นของโรงแรมดีมากๆครับอยู่ใจกลางเมืองโอบิฮิโระ ใกล้แหล่งร้านอาหาร ร้านค้า คือไปแฮงเอาท์แล้วเมากลับมาได้ไม่ยาก



บรรยากาศลอบบี้สบายๆ จะนั่งจิบกาแฟหรือจิบเบียร์ก็ได้


เบียร์มีชื่อว่า Tabi Beer ซึ่งใช้ข้าวของเมือง Tokashi ในการหมักบ่ม

สำหรับห้องที่ผมเลือกพักเป็นแบบ Dormitory ราคาประมาณคืนละ 1200 บาท


มีอาหารเช้าให้เลือกด้วยนะครับ มีหลายเมนูเลือกเอาตามใจชอบเลย


ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.nupka.jp/en/official-hotel-nupka/


---------------------------------------------


Obihiro พาเที่ยวเมืองโอบิฮิโระ


โอบิฮิโระเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่วุ่นวายครับ จากโรงแรมผมลองออกมาเดินเล่น มีร้านอาหารเยอะพอสมควรเลย แม้ว่าจะไม่มีห้างใหญ่โตนักแต่เมืองก็เต็มไปด้วยร้านขนมและผลิตภัณฑ์จากฮอกไกโด มีหลายร้านดังแต่ไม่วุ่นวายถึงขนาดต้องต่อแถวเข้าคิว


และขอแนะนำโซนนี้ครับ ซึ่งเป็นร้านอาหารเล็กๆรวมกัน คนญี่ปุ่นเรียกว่า Yatai พูดง่ายๆมันคือร้านอาหารแผงลอยเล็กๆนั่นเอง แต่ความน่าสนใจของที่นี่คือวัฒนธรรมที่หลังเลือกงาน คนที่นี่ชอบมานั่งทานอาหารบริเวณนี้ แต่ไม่ได้นั่งร้านเดียวนะจ๊ะ นั่งทานวนไปจาาา


ซึ่งอาหารมีให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงมีอาหารของชาวไอรุด้วยนะ


และบริเวณนี้ยังเป็นเหมือนธุรกิจ Start Up ให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากเปิดร้านอาหาร มาเทสว่ารอดไม่รอด คือถ้ารอดก็สามารถขยับไปโซนถัดไป ที่เริ่มเป็นร้านที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมือนโตเป็น Step ไอเดียน่ารักดี




เดินเล่นอยู่ประมาณชั่วโมง เดินง่าย ไม่วุ่นวาย ไม่อันตราย ท้องเริ่มร้องเราเลยเลือกกลับไปทานอาหารที่ Yatai ครับ



หลังจากทานอาหารจนอิ่มแล้ว เราก็เลือกที่จะไป Explore ที่โฮสเทลมี Information เกี่ยวกับออนเซนและโรงอาบน้ำสาธารณะที่ในเมืองมีเยอะมากๆ ผมกับเพื่อนเลยเลือกที่จะไป Super Sento โรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างอยู่ในนั้นครับ


ที่ Super Sento คนเยอะมากๆ ไม่มีชาวต่างชาติเลย บังเอิญที่วันนี้มีการแข่งขันว่ายน้ำเอเชียนเกมส์ ซึ่งเราเลือกแช่ตัวอยู่ในอ่างไม้เอาดอร์ อากาศหนาวเย็นกำลังดี ฟังเสียงผู้คนเชียร์ทีมญี่ปุ่นกันอย่างสนุกสนาน ก็เป็นอีกบรรยากาศที่ผมพึ่งเคยได้สัมผัสเช่นกัน


---------------------------------------------


Banei Obihiro


โอบิฮิโระมีอย่างที่ดังมากๆ คือสนามม้านางเลิ้งงงง ม่ายช่ายยยย !!! ที่นี่คือ Banei Obihiro สนามม้าที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ ที่นี่คือสนามแข่งม้าชื่อดังมากๆ ที่เป็นแหล่งเพราะม้าตัวเบอเร้อ ร่างใหญ่ ยาวกำยำ ที่จะมีการปะลองความเร็วกันทุกสัปดาห์




ม้าตัวใหญ่มากๆ นอกจากส่วนสนามการแข่งขัน ยังมีโซนสำหรับ การเยี่ยมชมม้า ขี่ม้าก็มีนะ


และที่นี่ก็ยังเป็นเหมือนที่รวมตัวของผู้คนเมืองโอบิฮิโระในวันหยุด มีร้านอาหาร มีร้านเบเกอรี่และร้านอื่นๆอีกมากมาย


ใครสนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://banei-keiba.or.jp/language/index_en.php


---------------------------------------------


Tokachi Toteppo Factory


ก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไปยังเมือง Sapporo เพื่อพักผ่อนและเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น ผมเลยขอแวะที่ Tokachi Toteppo Factory ร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่เค้กอร่อย วิวดี และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะเค้กอร่ยมากๆ



นอกจากเค้กก็ยังมี Product ขายดิบขายดีอย่างชีสเหมาะสำหรับการซื้อไปเป็นของฝากๆ แต่ไปๆมาๆก็แกะเอามากินเล่นจนหมดระหว่างทางกลับ


ถ้ามีเวลาก็สามารถนั่งได้สบายๆยาวๆ อิจฉาคนฮอกไกโดที่ได้กินแต่ของอร่อยๆทุกวัน ทั้งชีส ทั้งนม ต้องขอยกนิ้วให้เลยว่าที่นี่ ของกินเค้าสุดๆจริงๆ


---------------------------------------------


โดยรวมพอพูดถึงกิจกรรมต่างๆที่ได้ร่วมมาทั้งหมด ฮอกไกโดหน้าร้อนเหมาะกับการมาแบบครอบครัวมากๆครับ กิจกรรมไม่เหนื่อย อากาศเย็น หรือเป็นกลุ่มเพื่อนๆที่ชอบ Roadtrip ชอบธรรมชาติก็เยี่ยมเลยนะ หลายๆคนอาจจะเที่ยวญี่ปุ่นหลายๆเมืองมาแล้วทั้งโตเกียว โอซาก้า ผมก็อยากให้ได้มาลองสัมผัสแบบแนวธรรมชาติบ้าง ลองดูก็เป็นอีกอารมณ์ที่แตกต่างและรู้สึกว่าเวลาเดินไปช้าๆ สบายๆ สุดๆ



ผมเชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใครๆก็หลงรัก เมืองแต่ละเมืองมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกัน แถมแต่ละฤดูก็ยังให้ความรู้สึกและอารมณ์ไม่เหมือนกันอีกด้วย เหมือนกับการมาเที่ยว Hokkaido ฤดูร้อนในครั้งนี้ ที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แต่ตลอดทริปก็เต็มไปด้วยความน่าประทับใจ ยอมรับเลยว่าธรรมชาติของเค้าสวยมากๆ ผู้คนน่ารัก อาหารการกินนั้นมีความสุขที่สุด ผมเชื่อว่ากิจกรรมที่ผมได้มีโอกาสร่วมและทุกโรงแรมที่ผมได้ไปพัก ผมเชื่อว่าหากคุณได้ไปกับคนที่คุณรักหรือเพื่อนสนิท คุณจะประทับใจและหลงรักเมืองนี้ไม่ต่างจากผม Hokkaido in Summer



TAGS

No tags yet.
bottom of page