top of page

Surf's Up in Cherating: Your Guide to a Radical Malaysia Surf Trip

Content Sponsored By Oakley Thailand



ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

การหลงเข้ามาอยู่ในวงการกีฬาโต้คลื่น เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้ผมได้มีโอกาสออกไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น คิดถึงการโต้คลื่นก็ต้องเริ่มนึกถึงเมืองโต้คลื่นระดับโลก อย่างบาหลี,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่น,อเมริกา หรือฮาวาย แต่เชื่อว่าใครหลายคนยังไม่รู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา ' มาเลเซีย ' มีเมืองโต้คลื่นเล็กๆชื่อว่า Cherating ซึ่งมีคลื่นซ้ายที่ยาวถึง 500 เมตร


ลองหลับตาแล้วจินตนาการดูว่า ถ้าเราอยู่บนกระดานโต้คลื่น วิ่งยาวไปด้วยความเร็วกว่าครึ่งกิโล จะฟินขนาดไหน

ใครที่นึกไม่ออกว่าคลื่นยาวๆ มันสนุกยังให้ลองดูวิดีโอตัวนี้



อยากไปโต้คลื่นที่มาเลเซียมาหลายปี จังหวะพอดีที่ตอนนี้ประเทศไทยหมดฤดูกาลโต้คลื่นฝั่งทะเลอันดามัน เราเลยได้รวมทีม ถือโอกาสพาทีม Better Surf Thailand ( ทีมเซิร์ฟคลับของผมที่เขาหลัก ) ไป Outing กันที่เชอราติ้งเป็นเวลา 8 วัน 7 คืน จะโต้คลื่นกันให้หมดแรง


เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวมาเลเซีย


วีซ่า


  1. ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย สามารถท่องเที่ยวในมาเลเซียได้ไม่เกิน 30  วันโดยไม่จำเป็นต้องทำวีซ่า แต่ก่อนเดินทางภายใน 3 วันจำเป็นต้องลงทะเบียนได้ที่ https://imigresen-online.imi.gov.my/mdac/main?registerMain โดยจำเป็นต้องมีข้อมูล วันที่เดินทางมายังและออกจากมาเลเซีย, รายละเอียดที่พัก ( มีชื่อและที่อยู่โรงแรม )  โดยหลังจากข้อมูลครบถ้วนเรียบร้อยก็จะได้รับอีเมลภายใน 5 นาที และจะต้องใช้ยืนยันเมื่อเข้าประเทศ 

ข้อควรระวัง


  1. เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศมุสลิม จึงไม่อนุญาตให้นำเข้าแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์โดยเฉพาะหมู หากต้องการซื้อแอลกอฮอล์สามารถซื้อได้จาก Duty Free ที่สนามบิน  * แอลกอฮอล์สามารถซื้อได้ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปแต่มีราคาสูง 


ซิมการ์ด


  1. สามารถทำการโรมมิ่งจากเครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 400 บาท ต่อ 6GB

  2. ซื้อ Sim2Fly Asia and Australia จาก AIS 399 บาท ใช้ได้ 6GB เป็นเวลา 10 วัน

  3. ซื้อ Sim Unlimited Internet ที่สนามบิน ราคาประมาณ 400 บาท ใช้เน็ตได้ไม่จำกัด 30 วัน


การแลกเงิน


  1. เงินมาเลเซีย เรียกสกุลเงินว่า ' ริงกิต ' โดยมีตัวย่อเป็น MRY หรือ RM

  2. แลกจากประเทศไทย จะประหยัดกว่า สามารถแลกได้จากร้านรับแลกชื่อดังต่างๆ ทริปที่ไปมา 1RM = 7.5 บาท

  3. เงินไม่พอสามารถกด ATM ได้จากบัตรทั่วไป

ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ข้อมูลการเดินทาง

การเดินทางจากประเทศไทยมายังหาดเชอราติ้ง มาเลเซีย 


  1. บินตรงจากกรุงเทพมาลงที่ สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที

  2. บินตรงจากภูเก็ตใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที

  3. จริงๆแล้วยังมีสนามบินที่อยู่ใกล้หาดเชอราติ้งเพียง 60 กิโลเมตร ชื่อว่าสนามบิน Kuantan (KUA) ใครที่ขี้เกียจนั่งรถนานๆสามารถบิน Transit มาลงที่นี่ได้ทั้งจากมาเลเซียและสิงคโปร์

ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

หากใครนำกระดานโต้คลื่น Longboard ไป แนะนำใช้สายการบิน airasia และแนะนำให้บิน airasia thai ที่ไฟล์ตขึ้นต้นด้วย FD มากกว่า

การเดินทางมายังหาดเชอราติ้งจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์


  1. เหมารถตู้ ราคาค่อนข้างสูงสามารถนั่งได้ประมาณ 9-10 คน ราคา 900RM หรือ 6,750 บาท

  2. เช่ารถ เป็นออปชั่นที่ดีคุ้มค่าเพราะสามารถเที่ยวไปไหนมาไหนสะดวกกว่า ราคาเช่ารถเฉลี่ยวันละ 1,200 - 1,600 บาท ที่นี่น้ำมันถูกมากๆ

  3. นั่งรถประจำทาง ราคาประมาณ 500-700 บาทนั่ง ต้องเปลี่ยนรถ 1 ครั้ง


มาอ่านเรื่องเมืองเชอราติ้งกันเลยดีกว่า

ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

เมืองเชอราติ้งเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ฟิลประมาณสิชล นครศรีธรรมราช ที่เป็นถนนเราสามารถเดินลัดเลาะไปยังชายหาดได้ง่าย ที่นี่จะเป็นถนนหลักเส้นยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ที่เราจะต้องเดินไปมาๆตลอดทั้งวัน


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ชายหาด เราจะเห็น Tower ที่ชาวบ้านสร้างไว้ใช่สำหรับไว้ตัดสินการแข่งขันโต้คลื่น ปัจจุบันค่อนข้างทุดโทรม ไม่สามารถเดินขึ้นไปได้นะครับ


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซียทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ใครที่ติดกาแฟดีๆ บอกเลยว่าหายห่วง คาเฟ่ที่นี่ใช้กาแฟดีมากๆ คาเฟ่ชื่ออะไรต้องไปร้านไหน เลื่อนอ่านด้านล่างได้เลย


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

Surf Community 


ที่นี่เป็นสังคมโต้คลื่นเล็กๆที่มีสามัคคีกัน ทุกคนรู้จักกันหมด และมีการร่วมกันพัฒนานักกีฬาและการแข่งขันเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะเมื่อนักเซิร์ฟที่นี่รู้ว่าเราเป็นคนไทย ทุกคนต่างดูแล พูดทักทายสวัสดีและดูเราเหมือนเพื่อน โดยภายในหาดเชอราติ้ง ตามร้านอาหารต่างๆมีคนไทยอาศัยอยู่ด้วย ทำให้สื่อสารกันอย่าง่ายและให้ความช่วยเหลือแนะนำเรื่องต่างๆเป็นอย่างดี 


ฤดูกาลโต้คลื่นที่เชอราติ้ง มาเลเซียคือ เดือนตุลาคม - มีนาคม ซึ่งตรงข้ามกับฤดูโต้คลื่นฝั่งอันดามันบ้านเรา

เราตื่นเต้นกันมาก กับเช้าแรกของการโต้คลื่นผมเลยอาสาเป็นคนไปเช็คคลื่น โดยตื่นตั้งแต่ 06.30 อากาศค่อนข้างเย็น เดินไปที่ทะเลแทบจะไม่มีแสงเลย แต่พอเริ่มสว่างก็แอบเห็นมีคนอยู่ในแล้ว 2 คน โถ่วนึกว่าจะถึงคนแรกแล้วนะเนี่ย


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ช่วงเช้ามืดอากาศเย็นเหมือนกัน ทริปนี้เตรียมตัวมาดี ที่เอา OAKLEY Dawny ¼ Zip Hoodie ฮูดนี้ที่สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา ด้านหน้ามี Kangaroo Pocket เอาไว้สอดมือกันหนาวด้วย

ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ที่นี่จะเป็นคลื่นซ้าย ซึ่งคลื่นเกิดจากการชนหินและเนินทรายของแหลมที่ยื่นในทะเล ทำให้เกิดขึ้นซ้ายที่ยาวมากๆ ช่วงที่ไปคลื่นมีขนาด 2-4 ฟุต ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสำหรับพวกเรา บางลูกก็ใหญ่สะใจมากๆ


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย

ลักษณะของคลื่นที่เชอราติ้ง


ทริปโต้คลื่น เชอราติ้ง ประเทศมาเลเซีย



ข้อมูลการโต้คลื่นและข้อควรระวัง


  1. คลื่นที่นี่เป็นคลื่นซ้าย ที่อาจมีความยาวสูงสุดถึง 500  เมตร ( ช่วงที่มาสามารถจับได้ยาวสุด 250 เมตร )

  2. คลื่นที่นี่เป็น Point Break หมายความว่าคลื่นมีจุดยกและแตกตัวชัดเจน ทำให้สามารถดูลำดับการจำคลื่นได้ง่าย โดยส่วนใหญ่จะมีการต่อแถวกันจับคลื่น และเมื่อจับคลื่นได้แล้วเราก็จะต้องกลับมาต่อแถวใหม่ 

  3. มีตำแหน่งโต้คลื่นทั้งหมด 3 จุด จุดที่ 1 ด้านนอกหิน เหมาะสำหรับ Professional Shortboard เนื่องจากเป็นจุดแรกที่คลื่นยก หากไม่มีประสบการณ์หากล้มอาจทำให้เราชนหินและเกิดความบาดเจ็บ จุดที่ 2 ข้างหินเป็นจุดที่คลื่นใหญ่รองลงมา เป็นจุดที่เหมาะสำหรับคนที่เลี้ยวเป็นและสามารถคอนโทรลไปตามคลื่นได้ จุดที่ 3 เป็นจุดที่เหมาะสำหรับมือใหม่ สามารถจับคลื่นได้ง่าย 

  4. เนื่องจากมีคลื่นเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้เมื่อล้มแล้วจำเป็นต้องรีบพายกลับไปยังจุด Line Up เพื่อให้ผู้อื่นสามารถจับคลื่นมาได้ มิฉะนั้นอาจะเกิดการชน

  5. คลื่นมีเข้ามาตลอดทั้งซีซั่น โดยช่วงที่คลื่นดีที่สุดคือช่วงมกราคม - มีนาคม แนะนำให้ควรอยู่อย่างน้อย 7-14 วันเพื่อที่จะมีโอกาสเจอคลื่นที่ดีที่สุดในแต่ละช่วง 

  6. แนะนำให้สวมสายรัดขา (Leash) ตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากหากล้มไม่มีสายคลื่นอาจลากบอร์ดหลุดไปไกลเป็นร้อยเมตร และอาจชนกับนักท่องเที่ยวหรือนักเรียนได้ 




สิ่งที่ควรพกมาสำหรับเซิร์ฟทริป

1. เสื้อผ้าที่แห้งไว เนื่องจากทริปโต้คลื่นทำให้เราโต้คลื่นแทบจะทั้งวัน จึงแนะนำนำเสื้อผ้าโต้คลื่นที่น้ำหนักเบาแห้งไว ไม่อับชื้น

2. ตัวแปลงปลั๊กไฟ สามารถดูตัวอย่างได้ที่นี่ https://pantip.com/topic/37005506

3. ยาติดกระเป๋าที่สำคัญเช่น ยาฆ่าเชื้อ,ยาแก้อักเสบ,ยาแก้ไข้,ยาแก้อาการท้องเสีย และอุปกรณ์ทำแผลต่างๆ

4. Wax สำหรับโต้คลื่น,สายลีช, และอุปกรณ์โต้คลื่นจำเป็นต่างๆ ที่มาเลเซียไม่ค่อยมีขาย

5. หมวกสำหรับโต้คลื่นในช่วงที่มีแดด

6. ครีมกันแดดต่างๆ

7. สำหรับใครที่ไม่อยากพกกระดานโต้คลื่นมาให้วุ่นวาย ที่นี่มีกระดานโต้คลื่นให้เช่าค่อนข้างโอเคเลย ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ Suns Surfboard และ Suket




TIPS สำหรับผู้ชาย


ปกติแล้วในเซิร์ฟทริปผมจะพกกางเกงไว้สำหรับโต้คลื่นเพียง 2 ตัวเพื่อใส่สลับกัน โดยจะเลือกใส่กางเกงที่แห้งไว มีน้ำหนักเบา ทริปนี้น้องคลังน้องในทีมได้หยิบเอา OAKLEY รุ่น White Wash ที่มีความหมายเป็นช่วงเวลาคลื่นแตกตัวหน้าหาด ซึ่ง Okaley นำมาทำเป็นลายบนกางเกง โดยตัวนี้จะมีเทคโนโลยี Hydrolix moisture management system ไม่อุ้มน้ำ แห้งไวและสามารถยืดได้ 4 ทิศทาง สามารถโต้คลื่นขยับร่างกายได้อย่างคล่องตัว




ร้านอาหารและคาเฟ่แนะนำ


--


Ombak Cafe


เป็นร้านที่ดังและคนเยอะที่สุดของเมืองนี้ โดยมีทั้งร้านขายเสื้อผ้าเซิร์ฟและในส่วนของคาเฟ่ที่บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหาร กาแฟอร่อย คอมบูชะดีมาก และยังมีอาหารเมนูที่สามารถทานสลับอาหารท้องถิ่นให้เราหายคิดถึงได้ เช่น เบอร์เกอร์,ฟิชแอนด์ชิป เมนูสลัดต่างๆ 



Golden Beach Cafe


ร้านคราฟท์สุดเท่ที่รวมตัวชาวเซิร์ฟทุกคนของเมืองนี้มารวมตัวกันที่นี่ ที่ร้านใช้เมล็ดกาแฟโคลัมเบีย (  Colombia - Cherry,Melon,Caramel,Chocolate ) กาแฟดีมากๆ แนะนำให้ลองสั่ง Tropical Sour Coffee ราคา 13RM ที่ใช้กาแฟเชคกับเลม่อนและมะปี๊ด ( คล้ายส้มผสมมะนาวลูกเล็กๆ ) ให้ความสดชื่นเข้ากันดีกับกาแฟ  กาแฟเมนูต่างๆราคาประมาณ 7-11RM หรือ 60-80 บาท





Marion Cafe


เบเกอรี่สุดฮิตของคุณ Marion ชาวฝรั่งเศสภรรยาของนักโต้คลื่นท้องถื่นชื่อดัง Doje ซึ่งทำเบเกอรี่สดใหม่ทุกวัน เมนูที่นิยมและคนเคยต่อแถวซื้อกันทุกช่วงวันหยุด คือเอแคล์ ที่หอมนัวอร่อยๆ โดยราคาอยู่ที่  11RM หรือ 80 บาทไทย นอกเหนือจากเอแคล์ยังมีทาร์ตหน้าต่างๆอีกด้วย





Warung Mok Hawa


ร้านอาหารของนักโต้คลื่นชื่ดัง Sammy ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี ร้านนี้เปิดช่วงเย็นและบริการอาหารที่คุ้มค่า อย่างเมนู Nasi Lalapan ที่เราสามารถเลือกทานได้กับ ไก่ทอด,ปลาทอด,ปลาดุกทอด และยังมีซุปเนื้อที่อร่อย เครื่องเทศเข้มข้นอีกด้วย ราคาเมนูเฉลี่ย 11 RM หรือ 88 บาท อิ่มกำลังดี





อาหารท้องถิ่น


ข้าวแกง คล้ายข้าวแกงไทยมีลักษณะตักราดข้าว โดยมีข้าวให้เลือกหลายแบบ คิดราคาตามกับที่ตัก และยังมีน้ำพริกกะปิและผักฟรี เหมือนข้าวแกงใต้อีกด้วย ราคาประมาณ 60-140 บาท




โรตี ที่นี่เรียกว่า Roti Canai เหมือนโรตีทางภาคใต้บ้านเราทานคู่กับน้ำแกง ราคาประมาณ 20-30 บาท



อาหารท้องถิ่นอื่นๆ


  • ชาเย็น Iced Tea มีความใกล้เคียงชาเย็นบ้านเราเช่นกัน 

  • Nasi Lemak  เป็นอาหารท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย โดยข้าวจะหุงโดยน้ำกะทิทำให้ข้าวมีความมันและหอมกว่าปกติ ทานคู่กับน้ำพริก (Sambal) ปลาฉิ้งฉ้างและถั่วทอด 

  • Nasi Lalapun เมนูท้องถิ่นที่เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผักต้ม เทมเป้ ( ถั่วหมัก ) บางร้านก็ใช้เต้าหู้แทน เราสามารถทานกับไก่ (Ayam )หรือปลาทอดก็ได้


ทำความรู้จักกับ Local Surfer นักกีฬาที่มีชื่อเสียงจากหาดเชอราติ้ง



Lazy Day นอกจากโต้คลื่นมีอะไรให้ทำบ้าง ที่นี่มีกิจกรรมชายหาด ทัวร์ชมหิ่งห้อยตอนกลางคืน ( หิ่งห้อยเยอะมาก ) หรือจะตกปลาก็ได้

ทริปนี้ เราอยากให้เพื่อนๆที่ชอบโต้คลื่นและทำกิจกรรมต่างๆ รู้จักกับ OAKLEY กันมากขึ้น ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ แว่นตากันแดดที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว OAKLEY ยังมีสินค้าประเภท APPAREL เสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ทำกิจกรรมต่างๆได้




ในกลุ่มนักโต้คลื่น รุ่นที่เป็นที่นิยมมากๆคือรุ่น FrogSkins ที่สวมใส่สบาย มีน้ำหนักเบา ตอนนี้ทาง OAKLEY ได้พัฒนาวัสดุให้มีความเบาแข็งแรงและรุ่นใหม่ๆมีสีสันมากยิ่งขึ้น ที่ 'ต้น' ใส่อยู่ด้านนจะเป็นรุ่น Frogskins™ Range (Low Bridge Fit) และด้านล่างที่เดชใส่จะเป็นรุ่น Frogskins™ Hybrid




สรุปข้อดีและข้อเสียของทริปโต้คลื่นที่ Cherating


ข้อดี

  • ค่าใช้จ่ายถูกมากหากเปรียบเทียบกับเมืองโต้คลื่นอื่นๆ

  • สามารถเดินไปหาดโต้คลื่นได้ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือความยุ่งยากในการไปหาด

  • คลื่นดี เล่นได้เยอะ

  • ผู้คน Friendly แบ่งปันคลื่นปล่อยให้เราจับ แนะนำให้เพื่อนๆที่ไปทักทานหรือมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนท้องถิ่น เค้าจะบอกคลื่นเราเยอะมาก

  • คลื่นยาวมากๆ แค่จับได้ลูกเดียวแต่ยาวก็ฟิน คนเยอะเป็นช่วงๆเท่านั้น

  • Community น่ารัก คนในเมืองมีมนุษยสัมพันธืที่ดี คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆอย่างจริงใจ และยิ่งรู้ว่าเราเป็นคนไทยเค้าดูแลดีมากๆ

ข้อเสีย

  • ไม่มีร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นร้านโชวห่วยอาจจะมีสินค้าหรืออาหารไม่ครบถ้วน

  • ร้านอาหารไม่เยอะ ใครที่คิดถึงอาหารไทย มีคนไทยอยู่ที่นั่นเค้ารับทำข้าวกล่องด้วย มีเมนูไทยๆอย่างส้มตำ กะเพรา

  • หากไม่มีรถ อาจจะต้องเดิน ( ไม่ไกลมาก )

  • ค่าเดินทางรถส่วนตัว (เหมารถตู้จากสนามบินกัวลามายังหาด) ค่อนข้างแพง


สำหรับคนที่อ่านมาถึงตอนนี้ ถ้ายังไปโต้คลื่นที่เชอราติ้งทัน ลองแชร์ข้อมูลนี้และชวนเพื่อนๆไปโต้คลื่นกันครับ หากต้องการข้อมูลด้านต่างๆเพิ่มเติมสามารถ Inbox มาสอบถามทาง IG ผมได้ ( www.instagram.com/tah_surferday ) ยินดี ให้ข้อมูลมากๆครับ


สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ Oakley Stores สาขาเมกาบางนา, เซ็นทรัลเวิลด์, ไอคอนสยาม, เอ็มโพเรียม และ Oakley Corner ที่สยามพารากอน, เอ็มสเฟียร์, เดอะมอลล์ บางกะปิ และที่ร้าน REV RUNNR สาขาต่างๆ ทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่ https://revrunnr.co.th/oakley




TAGS

No tags yet.
bottom of page