Bali อัพเดตบาหลีกับเซิร์ฟเฟอร์หนุ่มติ๋ว-วรินทร #Bali2019

Bali อัพเดตบาหลีกับเซิร์ฟเฟอร์หนุ่มติ๋ว-วรินทร #Bali2019
บาหลี เป็นเมืองที่ไปเป็นสิบครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เพราะมีอะไรให้เที่ยวเยอะแยะมากมายหลากหลายเหมาะสำหรับทุกคน ค่าใช้จ่ายถือว่าคุ้มค่าสบายกระเป๋าและที่สำคัญที่สุดคือ Beach Life Activity ที่นี่เจ๋งไม่แพ้ใคร
ปีที่ผ่านมามีคนไทยมาเที่ยวบาหลีเยอะมากๆ แต่ยังไงก็ตามบาหลียังมีอะไรให้ค้นหา มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายสิบที่ที่คนไทยยังไม่รู้ บางทริปผมแทบจะไม่ได้เจอคนไทยเลยสักคน สำหรับปีนี้ ผมและนักกีฬาโต้คลื่นสุดฮ๊อต ติ๋ว-วรินทร นักกีฬาโต้คลื่น ที่ชอบแอบมาโต้คลื่นที่ประเทศอินโดบ่อยๆ จะขอพาเพื่อนมาอัพเดตที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวใหม่ แบบสั้นๆใน 1 วันเอาเป็นว่าอ่านแล้ว เพื่อนๆจะอยากเที่ยวบาหลีเลยล่ะ
คนไทยส่วนใหญ่จะรู้จัก กูต้า เซมินยักและเมืองเงียบสงบอย่างอูบุดเป็นอย่างดี แต่ในหมู่คนที่หลงใหลการโต้คลื่น คนบ้ากาแฟ บ้าการตื่นสายๆมาทาน Brunch อร่อยๆ พวกเราชอบการใช้ชีวิต Lifestyle ที่เมืองชื่อว่า " ชางกู " มากที่สุดครับ
สำหรับการเดินทางไปบาหลี บอกเลยว่าตั๋วเครื่องบินราคาโอเคมากๆ ราคาที่ถูกที่สุดที่ผมแนะนำว่าเห็นแล้วต้องรีบจองแบบไม่ต้องคิดเลยคือ 4,050 - 6,000 บาท ลองไปเช็คตั๋วที่ www.airasia.com บางครั้งผมจองวันจันทร์ วันศุกร์บินเลย ก็เคยได้ราคานี้

สำหรับทริปนี้ผมเลือกพักที่ Sunflower เป็นโรงแรมใหม่ขนาดเล็กที่พึ่งเปิดปลายปีที่แล้ว ด้วยที่การออกแบบสวยแตกต่างจากที่อื่นๆ มี Influencer, Blogger ดังๆมาพักเพียบ ที่สำคัญคือราคาโอเคมากๆครับ

สำหรับราคาช่วง Hight Season ช่วงที่แพงที่สุดราคาแค่ 1,200 บาท และช่วงเดือนอื่นๆราคาไม่ถึง 1,000 บาทต่อคืน ใครที่อยู่ 3 คืน ขอแอบแจกลิงค์ลด 1,200 บาท กดที่นี่นะ http://bit.ly/2YcloVh

เมื่อคืนมาเช็คอินค่อนข้างดึกมืดไปนิดเลยไม่ได้เห็นโรงแรมแบบเต็มๆตา ตื่นมาก็เป็นแบบนี้โรงแรมฮิปสวยดี เหมือนในภาพตอนที่จอง โรงแรมออกแบบโดยมีการผสม บาหลี อินเดียเล็กๆ โดยที่เจ้าของเป็นนักโต้คลื่นคน Local ชื่อดังที่นี่เลย เอาอุปกรณ์โต้คลื่นมาตกแต่งด้วย

โรงแรมชื่อว่า Sunflower แปลว่าดอกทานตะวัน เลยเลือกตกแต่งโลโก้ผนังต่างๆด้วยสีเหลือง ผมชอบกำแพงทางเข้าโรงแรมมากๆเลย เพราะมีทั้งแผนที่ Whats in Canggu ที่เที่ยว ร้านอาหารเด็ดๆอันนี้บอกเลยว่าที่เค้าเขียนดีทุกร้านจริงๆ

ไปบาหลี อย่าลืมเตรียมอะไรใส่กระเป๋าไปบ้าง
1. ตัวแปลงหัวปลั๊ก ที่บาหลีปลั๊กไฟเป็นแบบ 2 pin sockets ( round pins ) แบบสองขาหัวกลม หากไม่เตรียมไปแล้วมาถึงดึก อยู่ไกลร้านค้าก็อาจทำให้ไม่สามารถเสียบชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้าโทรศัพท์ได้ จริงๆแล้วสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Indomarket ( คล้าย 7-11 ) หรือร้านค้าที่ดูทันสมัยทั่วไป ราคา 150 - 200 บาท ทางที่ดีที่สุดคือพกไปจากไทยครับจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลและอารมณืเสียเมื่อมาถึง
2. เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย เสื้อผ้าอยากบอกว่าไม่ต้องเอามามากเกินไป ที่บาหลีมีเสื้อผ้า บิกินี่สวยๆเยอะมากๆ และมัก Sale บ่อยๆมาชอปปิ้งที่นี่แล้วใส่เลยก็ได้ จริงๆแล้วค่าซักที่นี่ก็ไม่ค่อยแพงเท่าไหร่นะ ซักรีดกิโลละประมาณ 100 บาทดีกว่าแบกของมาเยอะๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเอามาเผื่อจนเยอะเกินไป เหลือพื้นที่ไว้สำหรับใส่ของที่ชอปบ้าง
3. รองเท้าที่สวมใส่สบายๆ รองเท้าแตะถือว่าเหมาะสำหรับการมาเที่ยวที่สุด แต่หากใครไปเที่ยว Nusa Penida ( เกาะที่มีแหลมดูคล้ายทีเรกซ์ ) อาจจำเป็นต้องเดินขึ้นเขาลงเขา แนะนำให้พกรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้ารัดส้นมาลุยด้วยดีกว่า ดีกว่าและปลอดภัยกว่า
4. แลกเงินจากเมืองไทยดีกว่า ตอนนี้มาเที่ยวบาหลีบอกเลยว่าใช้เงินสนุกมากๆ เรทกำลังดี แนะนำให้แลกจาก Superrich หรือที่แลกเงินอื่นๆจากไทยมาได้ ( ห้ามแลกที่สนามบินในไทยเด็ดขาดแพงมาก อาจจะได้เงินน้อยกว่าแลกร้านข้างนอก 30% ) แต่หากจำเป็น ใช้เงินแล้วต้องการใช้เงินจริงๆ สามารถใช้ ATM กดได้หรือใช้เงินไทยแลกเรทก็พอรับได้นะ
5. โลชั่นกันแดด หากใครมีที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้วควรพกมาด้วย ที่นี่อาจจะมียี่ห้อให้เลือกจำกัด หลายๆยี่ห้อไม่ค่อยคุ้นตา บางยี่ห้อราคาค่อนข้างสูงกว่าในไทย

จากโรงแรม Sunflower สามารถเดินไปทะเลได้ใช้เวลาแค่ 5 นาที ใกล้ร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย อย่างในภาพมาถึงเราก็มุ่งหน้าตรงไปยังร้านชื่อว่า ONBOARD STORE ร้านขายกระดานโต้คลื่นและเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆมากมาย หลังจากขับจากมอเตอร์ไซต์แล้วแดดร้อนมากๆ เลยขอกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
* ที่บาหลี สามารถหาเช่ามอเตอร์ไซต์ได้ง่ายมากๆ ราคาประมาณ 200 - 250 บาท/วัน และหากใครอยากเช่ารถที่ดีขึ้นหน่อยมีรถ Vespa ให้เช่าด้วยนะ ลองไปดูที่ร้าน Good Bike Canggu ราคา 400 - 600 บาท/วัน

ที่บาหลี ช่วงที่น่าท่องเที่ยวที่สุดคือช่วงกรกฏาคม-กันยายน เพราะอากาศดีที่สุด อากาศดีคือมีไม่มีฝนตก แดดี แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ส่วนเดือนตุลาคมคนเริ่มน้อยลง อาจจะมีฝนบ้างบางวันแต่ตกไม่นานเท่าไหร่ครับวันละชั่วโมงสองชั่วโมง
ช่วงที่ผมไปคือช่วงเข้าสู่ High Season แดดแรง วันแรกก็รู้สึกได้ว่าแอบแสบผิว
ร้อนแบบนี้กระโดดลงน้ำดีกว่า ขอแนะนำว่าตอนเที่ยวในบาหลี สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือการทาโลชั่นกันแดดก่อนที่จะออกไปข้างนอกหรือจะต้องโดนแดดครับ ก่อนหน้านี้ที่มาบาหลี เรากฌคิดว่าเราเคยชินกับแดดที่เมืองไทย คิดว่าไม่ต้องทาก็ได้กลายเป็นหลังไหม้ตั้งแต่วันแรก กลายเป็นแสบบไปหมดเลยและก็เป็นรอยหน้าเกลียด

ก่อนเดินทางมาบาหลี ได้ไปเดินซื้อของเตรียมตัวมา พอดีเห็น Banana Boat สูตรใหม่ เป็นสูตรชื่อว่า SIMPLY PROTECT SPORT ที่เขียนกำกับไว้ว่าเป็นสูตรปรับปรุงมีส่วนผสมสารเคมีลดลง 25% ไม่มี Oxybenzone & Parabens ที่ทำลายปะการัง และสูตรนี้ก็ยังไม่มีน้ำมัน น้ำหอมด้วย

ซึ่งรุ่นนี้เหมาะสำหรับกิจกรรมกีฬาต่างๆ เห็นรุ่นพี่ๆนักกีฬาใช้กันอยู่ เลยลองซื้อมาใช้บ้าง ตอนซื้อมีโปรโมชั่นด้วยจาก 550 เหลือ 220 บาท ถูกคุ้มมากๆ ลองไปดูที่ http://bit.ly/30p2oUJ

หลายๆคนที่ใช้โลชั่นกันแดดแล้วไม่เกิดผล เพราะหลายคนทาโลชั่นแล้วกระโดดน้ำเลย หรือหลายๆคนทาแล้วออกแดดเล่นกีฬาเลย จริงๆแล้วโลชั่นกันแดดจำเป็นต้องทาก่อนที่จะไปทำกิจกรรมอย่างน้อยๆ 30 นาที และตอนซื้อจำเป็นต้องอ่านดีๆนะครับ ว่ากันน้ำรึเปล่า บางยี่ห้อคือโดนน้ำแล้วหลุดเลย ประสิทธิภาพการปกป้องเลยน้อยลง


ผมชอบที่ Sunflower มากๆเลยครับ บรรยากาศดี เจ้าของ Friendly มากๆ ใครเจอ Adi เจ้าของทักทายได้เลย เค้าช่วยเหลือและแนะนำที่เที่ยวเราเยอะมากๆ ครั้งหน้าก็อยากมาพักที่นี่อีกนะ เจ้าของเท่มากๆ จริงๆปีก่อนๆเจอกันที่ร้านเหล้าบาร์ บ่อยมากๆ เป็นอีกหนึ่งคน Local ที่เท่มากๆ ลองไปส่องได้ที่ www.instagram.com/adicandybali

มาถึงบาหลี สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการโต้คลื่นครับ ที่ชางกูเป็นที่เหมาะสำหรับการโต้คลื่นมากๆ คลื่นสวย ใครที่สนใจเรียน อ่านไปอีกนิดน เดี๋ยวจะแนะนำเพื่อนผมที่เป็นครูสอนโต้คลื่นให้

สำหรับใครที่เน้นมาโต้คลื่นที่นี่ ตอนเช่ามอเตอร์ไซต์อย่าลืมเลือกคันที่มีแลคข้างๆนะครับ ซึ่งสามารถใส่กระดานโต้คลื่นได้ ไปไหนมาไหนสะดวก กิจกรรมของผมที่ชางกูคือ นอน ตื่นเช้ามาซื้อกาแฟ ไปโต้คลื่นกลับมาทานอาหารเช้่าตามคาเฟ่สวยๆแอบมาพักชาร์จแบตว่ายน้ำในสระ เย็นออกไปโต้คลื่นดูพระอาทิตย์ตก ดึกก็ปาร์ตี้เมานิดหน่อยตามประสาวัยรุ่นตอนปลาย 5555

ที่ชางกู หากใครชอบเล่นกระดานโต้คลื่นแบบสั้น ( Short Board ) แนะนำให้ไปเล่นบริเวณ Echo Beach คลื่นสนุกใช้ได้เลย ถ้าแฟนไปโต้คลื่นสาวๆก็ไม่ต้องกลัวจะเซ็ง เพราะหาดนี้มี Beach Club ชื่อดังเรียกว่า La Brisa ที่เป็นธีมบีชคลับเรือโจรสลัด ถ่ายรูปสวยมากๆเลยนะ อาหารอร่อยใช้ได้เลย ตอนเย็นๆโดยเฉพาะวันศุกร์เสาร์จะคนเยอะเป็นพิเศษ


ที่นี่มีคนมาโต้คลื่นเยอะมากๆ ครับ ส่วนมากบริเวณหาดนี้จะมีแต่คนที่เล่นเป็นแล้ว เดี๋ยวเราลองเดินตามติ๋ว-วรินทรไปโต้คลื่นที่หาดนี้กันก่อน แล้วเดี๋ยวจะพาทุกคน อ้อมไปดูว่าใครที่เริ่มต้น ( Beginner ) ควรเล่นหาดไหน

จริงๆถึงจะไม่โต้คลื่น มาดูคนอื่นเล่นกันก็เพลินดีนะครับ ใครไม่เล่นก็สามารถนั่งตอนตามซุ้มอาหารต่างๆได้ ได้เบียร์เย็นๆสักขวดก็เพลินใจ

ส่วนนักกีฬาโต้คลื่นอย่างติ๋ว-วรินทร www.instagram.com/tueue ทุกวันก็จะรีบมาซ้อมโต้คลื่นให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เดินหน้าจะเดินทางไปแข่งต่อที่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากสนามบาหลีเสร็จ
จริงๆเมืองไทยมีคนโต้คลื่นกันมานานเป็นสิบปีแล้ว แต่สองปีที่ผ่านมากีฬาโต้คลื่นดังขึ้นมาก และมีที่หนึ่งที่เพื่อนสามารถขับรถไปจากกรุงเทพโดยใช้เวลา ไม่กี่ชีวิตโมง ที่นั่นคือจังหวัดระยอง ซึ่งสามารถโต้คลื่นได้ที่ www.facebook.com/LAEMYAHRAYONGSURFCLUB ที่มีให้เช่าทั้งกระดานโต้คลื่นและมีสอนด้วย
ซึ่งเจ้าของโรงเรียนแหลมหญ้า ก็คือคนในภาพนี่แหละ

ไปดูติ๋วโต้คลื่นจับลูกนี้กันครับ


ปกติแล้วจะใช้เวลาโต้คลื่นประมาณรอบละชั่วโมงนิดๆ ขึ้นมาดื่มน้ำเย็นๆและเช็ดตัวให้แห้ง โลชั่นกันแดดของ Bananaboat ป้องกันได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง

วรินทรซ้อมโต้คลื่นเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมจะเพื่อนๆซ้อนมอเตอร์ไซต์ไปหาดใกล้ๆ ชื่อว่า Batubolong เป็นหาดที่คลื่นสวยมากๆ

ใช้เวลาเดินทางจาก Echo Beach แค่ 5 นาทีเองหาดนี้เหมาะสำหรับการโต้คลื่นแบบยาว ( Longboard ) และสำหรับเพื่อนๆที่อยากหัดเรียน ผมแนะนำอีกหาดครับชื่อว่า Batu-Bolong

หาดนี้ก่อนถึงหาดจะมีบาร์ร้านเหล้าชื่องดังชื่อว่า Olds man มันส์มากๆ สนุกมาก คนส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันตอนสี่ทุ่มและลากยาวไปสุดซอย



ผมมีเพื่อนสอนโต้คลื่นที่หาด Batu Bolong เพื่อนของผมชื่อว่า Oka เป็นนักกีฬาชาวบาหลี ที่มีลีลาการโต้คลื่นธรรมดา เชื่อว่าถ้าคนนี้ลงไปเล่นทุกคนจะงงว่า เห้ยยย มันทำได้ไงว่ะ
ค่าเรียนโต้คลื่นประมาณ 750 บาท ( รวมค่าบอร์ดแล้ว ) ค่าเช่ากระดานโต้คลื่น 120 บาท ถูกมากๆเลย
ใครที่สนใจเรียนหรืออยากรู้ว่า Oka เป็นใครลองไปดูได้ที่ www.instagram.com/oka_kawan นะครับ
